ข้อมูลของฉัน

รูปภาพของฉัน
นางสาวสุธิพร ผมปัน รหัสนักศึกษา 51031390186 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คอมพิวเตอร์ซินโดรม คุกคามเด็กไทยยุคออนไลน์


          29 ก.ค. - จักษุแพทย์ เผยโรค "คอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม" กำลังคุกคามเด็กไทยยุคสังคมออนไลน์ ขณะนี้พบเด็กวัย 10-15 ปี มีปัญหาสายตาสั้นมากที่สุด เหตุเพราะเพ่งจอคอมฯ มือถือ แท็บเล็ตนาน แนะวิธีถนอมสายตา ควรปรับความสว่างให้มีความพอดี ไม่ใช้พื้นสีหน้าจอเข้มตัวหนังสือสีขาวหรือสีอ่อน จอแท็บเล็ตควรอยู่ห่างสายตา 1-2 ฟุต เด็กที่มีปัญหาสายตาผิดปกติอยู่แล้ว ไม่ควรเล่นเกินวันละ 1 ชั่วโมง
นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์ว่า มีความเป็นห่วงสุขภาพเด็กไทยในโลกยุคดิจิตอล ซึ่งอินเทอร์เน็ตถือว่าเป็นสื่อที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มหลักในการใช้สื่ออินเทอร์เน็ต เพราะสามารถเข้าถึงและรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้จากทุกมุมโลก พฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บเล็ต เป็นเวลานานของเด็กในปัจจุบัน นอกจากจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย คือกล้ามเนื้อหลัง ไหล่ คอตึง ทำให้มีอาการปวดหลัง ปวดคอ ปวดศีรษะแล้ว ยังส่งปัญหาด้านสังคม ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้คือ พฤติกรรมของเด็กที่จะไม่มีใครสบตากับใคร เพราะต่างคนต่างอยู่ในโลกส่วนตัว จะหยิบโทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ตขึ้นมานั่งเล่นโดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว ขาดการสื่อสารกับคนในครอบครัว และคนรอบข้าง รวมถึงความก้าวร้าว หุนหันพลันแล่น รุนแรงที่อาจเกิดขึ้นตามมาจากการเล่นเกมส์เพราะต้องการเอาชนะให้ได้
นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวต่อว่า ประการสำคัญ การใช้โลกส่วนตัวอยู่บนหน้าจอต่าง ๆ จะทำให้มีผลกระทบต่อสายตาโดยตรง เรียกว่า โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (Computer Vision Syndrome) และมีผลต่อทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในวัยเด็กจะมีปัญหาสายตาสั้นเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากใช้ไม่ถูกวิธี เด็กมักจะก้มดูหน้าจอใกล้มากระยะห่างประมาณครึ่งฟุต โดยเฉพาะหากเป็นโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากจอมีขนาดเล็กมาก จึงต้องมองในระยะใกล้ๆ เพื่อให้เห็นตัวหนังสือหรือภาพชัดเจนขึ้น ต้องใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตาและประสาทตาในลักษณะเพ่งจอตลอดเวลา ทำให้เกิดอาการดวงตาตึงเครียด ตาล้า ตาช้ำ ตาแดง แสบตา มองภาพได้ไม่ชัดเจน และมักจะเกิดอาการปวดศีรษะตามมา ซึ่งเป็นปัญหาที่ได้รับการปรึกษาจากผู้ปกครองอยู่บ่อย ๆ ข้อมูลล่าสุดนี้พบว่าเด็กอายุ 10-15 ปี เป็นกลุ่มที่มีปัญหาสายตาสั้นมากที่สุด
"ในประเทศที่มีการใช้คอมพิวเตอร์มาก ๆ เด็กจะมีสายตาสั้นในอัตราที่เพิ่มขึ้น จากการใช้แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์มาก การปรับระดับ ระยะห่างของจอภาพไม่เหมาะสมกับสายตา หรือวางเมาส์ไม่ได้ระดับกับแขน ความสว่างของแสงไฟ การนั่งเล่นเป็นระยะเวลานาน และมีโอกาสสายตาสั้นเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 30 เกิดปัญหาในการเรียน มองไม่เห็นกระดานเรียนหน้าชั้นตามมา ส่งผลต่อการทำงานบางอาชีพที่ต้องใช้สายตาในอนาคต เช่นนักบิน ตำรวจ ทหาร" นพ.ฐานปนวงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ การใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ตอย่างถูกวิธี มีข้อแนะนำดังนี้ กรณีที่เป็นผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตาหรือมีสายตาผิดปกติอยู่แล้ว ควรเล่นไม่เกินวันละ 1 ชั่วโมง ไม่ควรเล่นในห้องมืด ๆ ควรปรับความสว่างให้มีความพอดีเท่ากับความสว่างของห้อง แสงไฟไม่ควรส่องจากด้านหลังเข้าหาจอ ปรับความคมชัดของจอคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับ 70-80 เฮิร์ตซ์ หรือสูงสุดเท่าที่ยังรู้สึกว่าสบายตา การเลือกตัวหนังสือควรใช้ตัวหนังสือสีดำบนพื้นสีขาวเพื่อให้เห็นชัดเจน ไม่แนะนำให้ใช้พื้นสีเข้ม ตัวหนังสือสีขาวหรือสีอ่อน เพราะจะทำให้ต้องใช้สายตาเพ่งตัวหนังสือมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว บางคนต้องหรี่ตา เพื่อลดแสงเข้าตา หากเป็นจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ควรใช้แผ่นกรองแสงและดูแลทำความสะอาดหน้าจอไม่ให้มีฝุ่นเกาะติดเพื่อให้มองเห็นชัดเจน และควรนั่งเล่นในท่าที่ถูกต้องคือเหมือนนั่งอ่านหนังสือ ให้ระยะห่างของสายตากับแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์มือถือควรอยู่ห่างกันประมาณ 1-2 ฟุต - สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อย่าเชื่อ! อย.ยันเครื่องดื่มชูกำลังป้องกัน EV 71 ไม่ได้




อย.เตือนอย่าหลงเชื่อข่าวลือ ยัน ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังผสมน้ำผึ้งป้องกันเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ยารักษาโรค หากดื่มมากอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
            จากกรณีที่มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วว่า ขณะนี้ชาวกัมพูชาต่างพากันซื้อเครื่องดื่มชูกำลังมาผสมกับน้ำผึ้งดื่ม โดยเชื่อว่าจะช่วยป้องกันเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 (EV 71) ซึ่งเป็นเชื้อตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก ที่กำลังระบาดอย่างหนักในกัมพูชา รวมทั้งในประเทศไทยได้นั้น
            ล่าสุด วันนี้ (26 กรกฎาคม) ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ออกมาเตือนประชาชน ว่า อย่าหลงเชื่อข่าวลือดังกล่าว เนื่องจากเครื่องดื่มชูกำลัง หรือที่มีชื่อเรียกที่ถูกต้องว่า เครื่องดื่มผสมกาเฟอีน นั้น ไม่ใช่ยารักษาโรค แต่เป็นอาหารควบคุมเฉพาะ ที่ต้องมีฉลากกำกับไว้ว่า "ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด เพราะหัวใจจะสั่น นอนไม่หลับ เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรดื่ม ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อน" ดังนั้น การดื่มเครื่องดื่มชูกำลังจึงไม่สามารถป้องกัน หรือรักษาโรคใด ๆ ได้ทั้งสิ้น
            นอกจากนี้ ภญ.ศรีนวล ยังชี้แจงด้วยว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาอ้างอิง จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังซึ่งมีกาเฟอีนผสมมาก ๆ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ เพราะกาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นการเต้นของหัวใจ และระบบประสาทส่วนกลาง โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี หากดื่มเข้าไปจะเป็นอันตรายถึงชีวิต
            ทั้งนี้ ทาง อย.ได้ประสานงานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนของประเทศไทย เพื่อให้ข้อมูลกับผู้บริโภคแล้ว พร้อมกับเฝ้าระวังไม่ให้มีการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ซึ่งหากประชาชนพบเห็นการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่หลอกลวงผู้บริโภค หรือโฆษณาเกินจริง สามารถแจ้งมายังสายด่วน อย. 1556 เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข่าวล่าสุดเด็กม.6 เอาเก้าอี้ฟาดหน้าป้่ายับ ยังเคยก่อคดี แทงเด็ก ม.5 อีก

  






 ศาลให้ประกันตัวเด็ก ม.6 ใช้เก้าอี้ฟาดหน้าแล้ว ด้านป้าผู้เสียหายเข้าแจ้งความเรียบร้อย ขณะที่มีรายงานว่าพบเหยื่ออีกรายถูกแทงลำคอกลางห้างสรรพสินค้า

            จากกรณีที่ นางสมจิตร พลายเนาว์ อายุ 51 ปี พนักงานบริษัททำความสะอาดบีซีเอส ที่ถูกวัยรุ่นใช้เก้าอี้ตีเข้าที่ใบหน้าจนได้รับบาดเจ็บ ถูกถ่ายเป็นคลิปวิดีโอเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตจนกลายเป็นข่าวฉาวไปทั่วโลกนั้น ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน เจ้าของคดี ได้นำตัว นายเอ ( นามสมมุติ) เยาวชนอายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ส่งศาลเพื่อไต่สวนเกี่ยวกับการจับกุมของเจ้าพนักงานว่ากระทำโดยชอบหรือไม่นั้นในที่สุดศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว ด้วยวงเงิน 5,000 บาท โดยกำหนดให้นายเอ เดินทางมารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 10.00 น.

            ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ผู้ปกครองของนายกอล์ฟ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนชื่อดังเขตพระนคร ได้เข้าแจ้งความที่ สน.ปทุมวัน ว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน เวลาประมาณ 19.00 น. ขณะที่ลูกชายตนกับเพื่อนในกลุ่มกำลังเดินเล่นอยู่ภายในห้าง ก็พบนายเอกับเพื่อนอีกคนหนึ่งเดินสวนกันบนบันไดเลื่อน จากนั้นก็มีการพูดท้าทายกัน เนื่องจากเป็นเด็กต่างโรงเรียน

            ต่อมา ลูกชายตนจึงเดินไปแจ้งให้ รปภ.ทราบว่า ถูกนายเอข่มขู่ แต่ทาง รปภ.ของห้างไม่สนใจ หลังจากนั้นนายเอก็ย้อนวกกลับขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะควงอาวุธมีด พูดจาข่มขู่อีก ซึ่งลูกชายตนก็ขอโทษ เพราะไม่อยากมีเรื่อง นายเอก็ทำท่าเหมือนจะเก็บมีดไป แต่ขณะที่ลูกตนเดินแยกออกไปนั้น นายเอก็ชักมีดแทงเข้าที่ลำคอด้านซ้ายของลูกชายตนจนได้รับบาดเจ็บ ซี่งแพทย์แจ้งว่าบาดแผลนั้นห่างเส้นเลือดใหญ่ไปแค่ 2-3 มิลลิเมตร ตนจึงเดินทางมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ประสานไปยังผู้ปกครองพาตัวนายเอให้มาไกล่เกลี่ยกัน โดยฝ่ายคู่กรณีก็ยินยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับค่าทำขวัญให้ลูกชายตน ซึ่งฝ่ายตนก็ไม่อยากเอาเรื่อง เพราะคู่กรณีเรียนอยู่ชั้น ม.6 และกำลังจะจบการศึกษาแล้ว ส่วนเรื่องของคดีความนั้น ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไป

            ด้าน พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน กล่าวว่า ทราบเรื่องนี้แล้ว และกำลังให้ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี นำสำนวนมาตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากทางตำรวจยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า นายเอเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงเด็กนักเรียนต่างโรงเรียนด้วยหรือไม่ แต่ถ้าเป็นฝีมือของนายเอจริง ก็จะออกหมายเรียกเพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บต่อไป

            อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 03.00 น. ของวันนี้ (26 กรกฎาคม) ที่ สน.ปทุมวัน นางสมจิตร ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ชนิทร ง่วนสน พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.ปทุมวัน ก่อนเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.ขอนแก่น ทั้งนี้ นางสมจิตร ให้การกับพนักงานสอบสวนว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม เวลา 19.00 น. ขณะที่ตนอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้านพักหลังเลิกงาน ทันใดนั้นได้รู้สึกว่ามีสิ่งของมาติดกับรองเท้า จึงพยายามสลัดเท้าให้สิ่งของนั้นหลุดไป แต่สิ่งของดังกล่าวไม่หลุด จึงก้มลงดูพบว่าเป็นนาฬิกา จึงได้หยิบมาถือแล้วเดินต่อไป
            กระทั่งเดินมาเกือบถึงป้ายรถเมล์ หน้าธนาคารกรุงไทย สาขาปทุมวัน มีเด็กนักเรียน 2 คน ถามตนว่าเก็บนาฬิกาได้ใช่ไหม แต่ตนหูไม่ค่อยดีเลยฟังไม่รู้เรื่อง เด็กคนหนึ่งจึงตบเข้าที่แก้มด้านซ้าย 1 ที ตนกลัวมากจึงเดินหนีไปที่หน้าป้ายรถเมล์ แต่เด็ก 2 คน ได้เดินตามมาอีก และถามว่าตนเก็บนาฬิกาได้ใช่ไหม ตนได้ยินเลยตอบกลับไปว่า นาฬิกาของหนุ่มเหรอ จากนั้นตนหยิบนาฬิกาออกจากกระเป๋าคืนให้ ก่อนเอ่ยปากว่า ถ้างั้นป้าขอค่ารถเมล์หน่อย จากนั้นเด็กคนเดิม ก็ได้ด่าว่า พร้อมกับใช้เก้าอี้พลาสติกฟาดเข้าที่หน้าจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อุตุฯ ประกาศเตือนภัย พายุวีเซนเต ฉบับ 12 ฝนตกหนัก 20 จังหวัด




เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (25 ก.ค.55) พายุดีเปรสชัน “วีเซนเต” (VICENTE) บริเวณประเทศเวียดนามตอนบน  มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ด้วยความเร็วประมาณ 27 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า พายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนในระยะต่อไป
ลักษณะดังกล่าวจะส่งผลทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ในช่วงวันที่ 25-27 กรกฎาคม 2555 บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม
ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ตามพื้นที่ราบลุ่ม ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือให้ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก  ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
สำหรับ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กบริเวณทะเล อันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย
ประกาศ ณ วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เวลา 11.30 น.
………………………………………….
สบอช.ประกาศเตือนภัยน้ำฝนและฝนตกหนัก 25 จังหวัด
สำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ หรือ สบอช.ประกาศเตือนภัยน้ำฝนจำนวน 25 จังหวัด และมีอีก 22 จังหวัดที่ฝนตกหนักมาก และฝนหนักอีก 6 จังหวัด
โดยพื้นที่เตือนภัย คือ จ.เชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน สุโขทัย อุตรดิตถ์ พะเยา ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา เพชรบูรณ์ ศรีสะเกษ สกลนคร หนองคาย อุบลราชธานี ยะลา นราธิวาส พังงา จันทบุรี ตราด ระยอง ให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฝนตกหนัก และพื้นที่เสี่ยงเกิดน้ำท่วม และดินถล่มในระยะนี้

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ยิ้มสวยด้วยความมั่นใจ





คงสงสัยละซีว่า ชื่อเรื่องนี้จริงหรือไม่จริงอย่างไร สมมติว่ารูปหน้าคุณสุดสวย ปาก แก้ม คิ้ว คาง น่าดูไปหมดหนุ่มน้อยหนุ่มมากเห็นแล้วหัวใจจะหยุดเต้น แต่เวลายิ้มเธอต้องเอามือปิดปากทุกครั้งไป เผลอเมื่อไหร่หนุ่มเหล่านั้น เป็นหัวใจวายไปจริง ๆ เพราะตกใจในฟันหยินออกมานอกปาก ถ้าเป็นชายก็ไม่ต้องไปสักลายเสือให้คนกลัว เพราะ "ฟันไม่เข้า" อยู่แล้ว (เนื่องจากฟันยื่นออกมามาก)
ดังนั้นจะปล่อยให้ฟันมาทำลายความสวย ความหล่อและบุคลิกของคุณอยู่ทำไม การแพทย์เราเจริญไปไกลแล้ว เพียงแต่รวบรวมความกล้า ไม่กลัวหมอฟันซะอย่างเดียว   แล้วควรจะไปหาหมอฟันเมื่อไหร่ล่ะ
สมัยนี้ทั้งคุณพ่อคุณแม่ได้รับคำแนะนำตั้งแต่ไปฝากครรภ์แล้ว พอลูกรักคลอดออกมา พ่อแม่ควรทะนุถนอมดูแลในปากตั้งแต่แรกเกิด ฟันน้ำนมจะเริ่มขึ้นอายุประมาณ 6 เดือนขึ้นไป คุณก็เริ่มพาลูกไปทำความคุ้นเคยกับหมอฟัน พออายุ 6 ปี ฟันแท้ซี่แรกจะเริ่มโผล่ขึ้นมาบ้างแล้ว ซี่อื่นก็จะทยอยตามขึ้นมา ซึ่งคุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำ และไปตรวจฟันทุก ๆ 6 เดือน เพื่อให้สุขภาพช่องปากดี แต่ถ้าเริ่มมีฟันที่ขึ้นแตกแถวไป หมอฟันก็จะช่วยได้ตั้งแต่แรก เป็นการป้องกันไม่ให้ฟันขึ้นผิดที่ผิดทาง และช่วยให้โครงสร้างใบหน้าปกติไม่เป็นปัญหายุ่งยากเมื่อโตขึ้น
แต่บางครั้งลูกน้อยเจ้าของฟันจะไม่สนใจ ฟันซ้อน ฟันเก ฟันเหยิน ฟันห่างของตนเองจนกว่าเริ่มเป็นหนุ่มเป็นสาวนั่นแหละ ก็ตั้งแต่อายุ 13 ปีขึ้นไป ซึ่งระยะนี้จะเป็นการแก้ไขบำบัดรักษาความผิดปกติของฟันบนฟันล่าง รวมถึงโครงสร้างใบหน้าให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกได้สัดส่วนของแต่ละคนเครื่องมือจัดฟันก็จะมากขึ้น ระยะเวลาก็จะนานขึ้นเหมือนกับไม้อ่อนดัดง่าย ไม่แก่ดัดยาก โดยเฉลี่ยแล้ว 18-24 เดือน   ฟันคุณอยู่ในข่ายต้องจัดหรือเปล่า
นอกจากฟันที่ขึ้นผิดตำแหน่งต่าง ๆ กันแล้ว โครงสร้างของกระดูกยังมีส่วนทำให้ลักษณะใบหน้าแตกต่างกัน โดยทั่วไปแบ่งเป็น 3 แบบ
1. ใบหน้าปกติ มีโครงสร้างใบหน้า และการสบฟัน (คือฟันบนกับฟันล่างเจอกัน) ปกติคุณโชคดีแล้ว ไม่ต้องเจอเครื่องมือจัดฟัน
2. ใบหน้าโค้งนูน คางหลุบ ดูจากด้านข้างใบหน้าจะเห็นได้ชัด ริมฝีปากบนอูม ฟันบนจะยื่นออก ขากรรไกรล่างจะล้ำเข้าใน
3. ใบหน้าเว้า คางยื่น ดูใบหน้าด้านข้าง ขากรรไกรล่างจะยื่นออกไปข้างหน้ามากกว่าปกติ   จะจัดฟันดีไหม
เรื่องสวยเรื่องหล่อขึ้นน่ะดีกว่าเดิมแน่นอน ยิ่มได้เต็มที่ เวลาคุยกับใครก็ไม่ต้องเอามือปิดปากอีกแล้ว อีกทั้งฟันที่เรียบเป็นระเบียบ ย่อมแปรงทำความสะอาดได้ง่ายกว่าฟันซ้อน ฟันเก กลิ่นปากก็สะอาด พูดจาประสาดอกไม้ได้สบาย นอกจากนั้นยังช่วยให้เคี้ยวอาหารได้ดี ป้องกันและแก้ไขความผิดปกติของหัวข้อต่อขากรรไกรที่อาจมีปัญหาภายหลังได้อีกด้วย
ทางที่ดีไปคุยรายละเอียดกับหมอจัดฟัน ซักถามทุกซอกฟัน ให้เข้าใจก่อนจึงตัดสินใจด้วยตนเอง เพราะความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอขณะจัดฟันมีความสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าเป็นเด็กเล็กการเอาใจใส่ดูแลของผู้ปกครองจะมีส่วนในความสำเร็จนี้ด้วย   ขั้นตอนการจัดฟัน
หมอจะถามประวัติสุขภาพทั่วไป ตรวจในปากอย่างละเอียด พิมพ์ฟันทำแบบจำลองจากในปาก ถ่ายรูปเอ็กซ์เรย์ ฯ เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนการรักษาและจะบอกคุณเมื่อนัดครั้งต่อไป ซึ่งคุณมีสิทธิ์ตัดสินใจอีกครั้งว่า จะจัดฟันหรือไม่ ถ้ามีฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือที่จำเป็นต้องทำอย่างอื่นก็จะต้องไปจัดการให้สุขภาพเหงือกและฟันดีซะก่อนที่จะเริ่มจัดฟันได้   คำถามทั่ว ๆ ไป ที่คุณคงอยากทราบ
- จัดฟันแล้วต้องมาพบหมอบ่อยไหม?
ประมาณ 3-4 อาทิตย์ต่อครั้ง
- เจ็บรึเปล่า?
มีบ้างเล็กน้อย ระยะแรกจะรู้สึกแปลก รำคาญเล็กน้อย ต้องอดทน แล้วแต่การปรับตัวเร็วช้าของแต่ละคนด้วยต่อไปก็จะชินไปเอง
- กินอาหารได้ทุกอย่างไหม?
ได้เกือบทุกอย่าง ยกเว้น อาหารแข็ง เหนียว เช่น หมากฝรั่ง แทะข้าวโพด ลูกกวาด ฯ
- แปรงฟันอย่างไร?
แน่นอน ต้องแปรงฟันหลังอาหารทุกมือ เพราะเศษอาหารจะติดฟัน และเครื่องมือได้ง่าย ถ้าไม่แปรงให้สะอาดฟันจะผุ เหงือกอักเสบ และมีกลิ่นปาก

อ่านใจจากสิ่งที่เธอเลือกซ่อมเป็นอย่างแรก



1.ซ่อมนาฬิกา
ถ้าเธอซ่อมนาฬิกาเป็นอย่างแรก  เป็นคนที่ใส่ใจในเรื่องของบุคลิกตัวเองเอามากๆ  เลยล่ะ  เธอมักจะเสียเวลา  และเงินทองไปกับการแต่งตัว  ซ็อปปิ้งเสื้อผ้า  และทกสวย  เธอพร้อมที่จะทำทุกอย่าง  ไม่ว่าจะเสียเงินหรือเจ็บตัวขนาดไหน  ขอให้เธอมีรูปร่างที่สวยพริ้งก็พอ
2.ซ่อมกระเป๋า
ถ้าของที่เธอเลือกซ่อมเป้นอย่างแรกก็คือกะเป๋าเอเป็นคนที่ค่อนข้างมีความเป็นศิลปินอยู่ในตัวสูง  รักอิสระ  ไม่ชอบการถูกบังคับให้ทำสิ่งที่ตัวเองไม้ได้เลิฟ  เช่น เธอไม่อยากเรียนวิชาอังกฤษ  เมื่อเธอโดนบังคับให้เรียน  เธอก็จะเรียนไปตามหน้าที่  ไม่สนใจที่ทำเกรดอะไรแบบนั้น
3.ซ่อมห้องนอน
ถ้าสิ่งแรกที่เธอซ่อมคือห้องนอน  เธอเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง  ไม่ค่อยสุสิงกับคนเยอะๆ  ยิ่งที่ไหนที่มีคนพรุกพล่านเธอจะไม่ไปโผ่ลที่นั้นเลยล่ะ  เธอรักความสงบ  ชอบที่จะอยู่คนเดียวและมีเพื่อนที่ไม่เยอะมากนัก  แต่คนที่เป็นเพื่อนย่อมผ่านการทดสอบแล้วว่ารู้ใจกันจริง  แต่ถ้ามีใครที่จะรักแกเอก็สู่ไม่ถอยเช่นกัน
4.ซ่อมรองเท้า
ถ้าของที่เธอซ่อมเป็นอย่างแรกคือรองเท้า  เธอเป็นคนข้างค่อนข้างประหยัด  ไม่จรถึงอารมณ์ขี้เหนียวในบางอารมร์  เธอมักจะคิดเรื่องเงินๆทองๆ  มาก่อนเรื่องอื่น  เวลาซื่อของ  เธอก็จะเลือกที่ของถูกไว้ก่อน  เวลาไปกินอาหาร  ก็จะเลือกเมนูที่ไม่แพงเอาไว้ก่อนเสมอเพราะถือว่า  อาหารกินไปแล้วกเดี๋ยวก็หายเข้าไปในท้องเอง  แต่ถ้าเอหลงใหลสิ่งใดขึ้นมาแล้วเธอก็จะทุ่มเทสุดตัวเพื่อสิ่งนั้น 
5.ซ่อมเสื้อผ้าและของใช้
ถ้าของที่เธอเลือกซ่อมเป็นอย่างแรกคือเสื้อผ้านั้นเป็นเสื้อผ้าและของใช้  เธอเป็นคนที่มีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนสูง  เป็นสาวน้อยที่น่ารักที่แสนดีจะบอกบางและน่าปกป้อง  เธอมักจะมาคนที่จะมาดูแล  และปกป้องเธอ  คนที่จะผ่านเกณฑ์เธอนั้น  จะต้องเป็นสุภาพบุรุษสูง  แมนล้านเปอร์เซ็นต์
6.ซ่อมกลอนประตูหน้าต่าง
ถ้าของที่เลือกซ่อมเป็นอย่างแรกคือกลอนประตู  หน้าต่าง  เธอเป็นคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่เกินตัวเสมอทุกอย่างสำหรับเธอต้องเป็นเหตุเป็นผล  จะทำในสิ่งที่มีเหตุผลรองรับเพียงพอเท่านั้น  ส่วนอะไรที่ทำเพราะอารมณ์เธอจะไม่ค่อยเลือก  ไม่ค่อยสนใจในเรื่องของความรู้สึกเท่าไหร่  จะแสดงความรักด้วยการซื้อของให้มากกว่าการบอกรัก
7.ซ่อมรั้วบ้าน
ถ้าของที่เธอเลือกซ่อมเป็นอย่างแรกคือรั้วบ้าน  เอเป็นคนที่มักทำการใหญ่เอาไว้ก่อนเสมอ  เป็นคนสุดโง  ไม่มีทำอะไรแบบกลางๆหรอก  เธอค่อนข้างจะจริงจังกับชีวิตทำให้เธอไม่ค่อยมีอารมณ์ขำเท่าไหร่  บางทีคนรอบตัวอาจจะอึดอัดในบางครั้ง  เพราะเธอจริงจังไปหมดทุกอย่าง
8.ซ่อมก๊อกน้ำและสวิตไฟฟ้า
ถ้าเธอเลือกที่จะซ่อมเป็นอย่างแรกคือก๊อกน้ำ  และสวิตไฟ  เธอเป็นคนที่ค่อยข้างจะออกแนวห้าวๆ  นิดๆ  หรือไม่ก็เป็นผู้หญิงที่รักความสนุกสนาน  สบายๆเหมือนผู้ชาย  เธอเป็นคนที่เฮไหนเฮกัน  ไปไหนไหกัน  เธอถือคติที่ว่าเกิดมาทั้งชีวิตแล้วต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า 
9.ซ่อมรอบขีดเขียนและคราบสกปรกบนผนัง
ถ้านิ่งที่เธอเลือกเป็นสิ่งแรกที่จะซ่อมคือ  รอยขีดเขียนหรือคราบสกปรกบนผนัง  เธอเป็นคนที่มีความเป็นระเบียบวินัยอย่าง  เธอมักจะมีการวางแมนไว้ล่วงหน้าอย่าเป็นระบบอยู่เสมอ  ทำให้เธอสามารถทำสิ่งต่างๆได้ดี  เพราะรู้จักจัดระบบให้ตังเอง  และสามารถที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้หลุดกรอบได้  เธอสามารถประสบความสำเร็จในชีวิตอยู่เป็นประจำ  และเธอมีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว  เธอจึงมักที่จะให้เป็นผู้นำ
10.ซ่อมห้องครัวและอุปกรณ์ครัว
ถ้าของที่เธอจะซ่อมนั้นเป็น ห้องครัวและอุปกรณ์ครัว  เธอนั้นเป็นคนที่มีความน่ารัก  สดใส  และเป็นผู้นำได้  เธอจะทำด้วยตัวเองโดยที่ไม่พึ่งใคร  ยกเว้นแต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ  นั้นเอง  ซึ่งนับดูแล้วเธอจะขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นน้อยมากๆ  เธอเป็นผู้หญิงที่เก่ง  สามารถทำอะไรต่างๆได้เท่ากับผู้ชาย  เธอเป็นคนที่จิตใจดี  ทำให้เธอมีเสน่ห์และมีคนตามจับมากมาย

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เสี่ยรับเหมาข่มขืนแม่-ลูก มาราธอน 9 ปี


     


(22 ก.ค.) พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยางผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ผกก.สภ.บางพลี พร้อม นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ร่วมกันแถลงจับกุมตัว นายมนต์ชัย เชื้อสุข อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118 หมู่ 7 ต.บ้านสร้าง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ผู้ต้องหาข่มขืนกระทำชำเรา น.ส.ออย (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี และ นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 49 ปี สองแม่ลูกผู้เสียหาย
สอบสวนทราบว่า ก่อนหน้านี้ นางเอ ผู้เสียหาย ได้เคยผ่านการแต่งงานกับอดีตสามี จนกระทั่งมีบุตรสาวคือ น.ส.ออย ก่อนจะแยกทางกับอดีตสามีแล้วไปคบหากับ นายมนต์ชัย ผู้ต้องหา ซึ่งมีอาชีพผู้รับเหมาก่อสร้าง กระทั่งปี 2551 นางเอ ทนพฤติกรรมนายมนต์ชัยไม่ไหว จึงได้หลบหนีไปอยู่บ้านญาติที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ยังถูกนายมนต์ชัย ผู้ต้องหายังคงรังควานและข่มขู่เรื่องต่างๆ นานา
กระทั่งวันที่ 4 กรกฎาคมที่ผ่านมา น.ส.ออย บุตรสาว พร้อม นางเอ มารดา ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี ว่าทั้งสองถูกนายมนต์ชัย กระทำการข่มขืน พร้อมถ่ายคลิปขณะร่วมเพศ หากผู้เสียหายไม่ยินยอมจะนำไปเผยแพร่ นอกจากนี้ ยังมีการชักชวนเพื่อนร่วมข่มขืนพร้อมคลิปไว้แบล็กเมล์อีกด้วย

ทั้งนี้ น.ส.ออย ให้การว่าได้ถูกนายมนต์ชัย ข่มขืนมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนถึงปัจจุบัน จากนั้นผู้เสียหายทั้งสอง ได้เข้าร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขอหมายศาลจังหวัด ที่ 505/2555 ลงวันที่17 กรกฎาคม โดยได้วางแผนจับกุมตัวนายมนต์ชัย ได้ที่หน้า สภ.บางพลี เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา กระทำการชำเราข่มขืนเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี เพื่ออนาจาร กักขังหนวงเหนี่ยวไปจากผู้ปกครอง โดยนายมนต์ชัย ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้รับสารภาพกระทำการข่มขืน น.ส.ออยจริง ตอนผู้เสียหายอายุได้ 18 ปี ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

สื่อนอกแฉ! นักเรียนไทยฟาดเก้าอี้ใส่หน้าคนแก่


   


   เว็บไซต์สำนักข่าวต่างประเทศชื่อดัง ไลฟ์ลีก ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่อ้างว่า เป็นเหตุการณ์เด็กนักเรียนไทยใช้เก้าอี้ฟาดใส่หญิงสูงวัย ซึ่งเกิดขึ้นริมถนนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
โดยคลิปดังกล่าวเป็นเพียงคลิปสั้นๆ ความยาวประมาณ 30 วินาที เผยให้เห็นเหตุการณ์ที่ เด็กชายวัยรุ่น 2 คน อายุประมาณ 16-18 ปี แต่งกายคล้ายเครื่องแบบนักเรียน กำลังทะเลาะมีปากเสียงกับ หญิงสูงวัย ที่แต่งกายคล้ายชุดเครื่องแบบแม่บ้านบริษัท
เด็กชายวัยรุ่นสวมเสื้อสีดำ ตะคอกต่อว่าหญิงสูงวัย ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก่อนจะคว้าเก้าอี้พลาสติกที่วางไว้ใกล้เคียงขึ้นมาขู่ ทำท่าคล้ายกับจะตีทำร้าย จนหญิงสูงวัยต้องยกมือไหว้ขอร้อง แต่เด็กชายวัยรุ่นยังคงต่อว่าอย่างดุเดือด ก่อนจะใช้เก้าอี้พลาสติกฟาดเข้าที่ใบหน้าหญิงสูงวัย จนผละล้มลงกับพื้น
อย่างไรก็ตาม คลิปวิดีโอดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ แต่คาดว่าน่าจะเป็นฝีมือการบันทึกภาพเหตุการณ์ของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เดินผ่านจุดเกิดเหตุและยืนดูเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนจะนำไปเผยแพร่ลงอินเตอร์เน็ต และสำนักข่าวต่างประเทศนำไปตีแผ่

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ลูกทรพีคลั่งยาขู่ฆ่าพ่อไม่ซื้อรถป้ายแดงให้



ลูกทรพีคลั่งยาอาละวาดทำลายข้าวของในบ้าน ขู่จะฆ่าพ่อไม่ให้เงินซื้อรถป้ายแดง เตรียมมีดสปาต้าและไม้หน้าสามไว้พร้อมก่อเหตุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (20 ก.ค.) สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุชายคลุ้มคลั่งอาละวาด ที่บ้านเลขที่ 247 ชุมชนลูกแม่อ่างทอง ถ.ศรีธรรมโศก ต.ในเมือง ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือนายสมชัย นิลสมกิจ หรือ เอก เรกเก้ อายุ 31 ปี กำลังอาละวาดทุบทำลายข้าวของในบ้านจนพัง พร้อมบอกว่าจะฆ่าพ่อของตน หลังใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่นาน เจ้าหน้าที่ก็ตัดสินใจพังประตูห้องนอนชั้น 2 เข้าไปจับกุมนายสมชัยเอาไว้ได้ ก่อนควบคุมตัวไปดำเนินคดีต่อไป
จากการสอบสวนแม่ของนายสมชัย ให้การว่า ลูกชายเคยติดคุกอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช หลายปีในคดียาเสพติด หลังพ้นโทษก็คบหากับกลุ่มผู้เสพยาเสพติดชาวต่างชาติใน อ.เกาะพงัน จ.สุราษฏร์ธานี จนได้ภรรยาเป็นหญิงชาวต่างชาติ ก่อนจะพากันมาอยู่กินที่บ้าน โดยนายสมชัยไม่ทำงานทำการใด ๆ ขณะที่ภรรยาได้ไปสมัครเป็นอาจารย์สอนภาษา ในสถานศึกษาเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช และนายสมชัยมักคลุ้มคลั่งทำร้ายข้าวของ และขู่จะทำร้ายพ่อแม่และภรรยาชาวเป็นประจำ
"หลายวันก่อนลูกชายได้ขู่ให้พ่อและแม่ไปเบิกเงินจากธนาคารมาให้ 1 ล้านบาท เพื่อจะนำไปซื้อรถยนต์ป้ายแดงมาขับ แต่พ่อและแม่ไม่ยอมทำให้ลูกชายไม่พอใจ ถึงกับประกาศว่าจะฆ่าพ่อของตัวเอง โดยจัดเตรียมมีดสปาต้า และไม้หน้าสามเอาไว้ก่อเหตุ แต่สามีรู้ก่อนจึงไม่กล้ากลับเข้าบ้าน ทำให้ลูกชายยิ่งเครียดหนัก จนเกิดอาการคลุ้มคลั่งอาละวาดทำลายข้าวของในบ้าน" แม่ของนายสมชัย กล่าว

ฝากขังยายฆ่าหลาน ค้านประกันตัว




พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง นำตัวยายที่ก่อเหตุฆ่าหลานตัวเอง ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพระโขนง พร้อมคัดค้านการประกันตัว ขณะที่ยายยอมรับผิด และขอชดใช้กรรมในคุก ห้ามไม่ให้ลูกสาวยื่นประกัน
พนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ได้ควบคุมตัวยายไปขออำนาจศาลจังหวัดพระโขนงฝากขังในข้อหาฆ่าผู้อื่น พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว โดยให้เหตุผลว่า เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูงและเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี
ในคดีนี้คนที่น่าเห็นใจที่สุด ก็คือคนกลางที่เป็นแม่ของผู้ตาย และเป็นลูกสาวของผู้ต้องหา ได้นำยาโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง มาให้แม่ที่ศาล โดยบอกว่าความรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น ซึ่งแม่ของตนบอกว่ายอมรับผิดทุกอย่างและขอชดใช้กรรมในคุก
ซึ่งตนก็ได้จุดธูปบอกลูกชาย ว่าอย่าโกรธยาย สำหรับคดีที่แม่เคยต้องโทษในคดีฆ่าที่ สน. บางนา เมื่อปี 2536 ซึ่งแม่ได้ติดคุกอยู่ประมาณ 1 ปี และเมื่อตนเองอายุครบ 20 ปี ก็ได้ประกันตัวแม่ออกมา

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กระหึ่ม “Microsoft Office 2013”













 เปิดตัวแล้วสำหรับซอฟต์แวร์สร้างงานเอกสาร “ไมโครซอฟท์ออฟฟิศ 2013 (Microsoft Office 2013)” เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ชู 3 จุดเด่นคือ การปรับให้ระบบสามารถทำงานออนไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ-รองรับไฟล์ต่างค่ายได้เสรีมากขึ้น-รองรับหน้าจอสัมผัส เตรียมพร้อมผนึกในระบบปฏิบัติการ Windows 8 สำหรับแท็บเล็ตและพีซีเพื่อจำหน่ายภายในช่วงปีหน้า
      
       ไมโครซอฟท์ออฟฟิศนั้นเป็นโปรแกรมสร้างงานเอกสารที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก โดยถูกติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานธุรกิจมากกว่า 90% ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ออฟฟิศเป็นหนึ่งในสินค้าหลักที่ทำเงินให้ไมโครซอฟท์มากกว่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
      
       ล่าสุดไมโครซอฟท์เปิดรายละเอียดโปรแกรมออฟฟิศเวอร์ชันใหม่ในชื่อออฟฟิศ 2013 ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยสตีฟ บอลล์เมอร์ (Steve Ballmer) ซีอีโอไมโครซอฟท์ประกาศว่าออฟฟิศ 2013 นั้นเป็นซอฟต์แวร์เจเนอเรชันใหม่ที่ผสานความสวยงามและการใช้งานลักษณะเดียวกับที่ไมโครซอฟท์สร้างสรรค์ให้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 (สำหรับคอมพิวเตอร์พีซี) และระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน (สำหรับสมาร์ทโฟน)
      
       งานนี้ซีอีโอไมโครซอฟท์ระบุว่า ออฟฟิศ 2013 เป็นเวอร์ชันที่พัฒนายากที่สุดที่ไมโครซอฟท์เคยพัฒนามา โดยออกแบบให้ตรงความต้องการของกลุ่มนักเรียน ครอบครัว และผู้บริโภคทั่วไปที่ต้องการใช้งานเชิงธุรกิจ
      
       โปรแกรมย่อยในออฟฟิศ 2013 ทั้งโปรแกรมประมวลผลคำ Word, โปรแกรมรับส่งเมล Outlook, โปรแกรมงานคำนวณ Excel, โปรแกรมช่วยบันทึก OneNote และโปรแกรมงานนำเสนอ PowerPoint ล้วนถูกพัฒนาให้สามารถทำงานบนอุปกรณ์หน้าจอสัมผัสได้ดีขึ้น ผลจากอุปกรณ์หน้าจอสัมผัสถูกใช้งานแพร่หลายทั้งโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต ซึ่งการสำรวจล่าสุดพบว่า ชาวออนไลน์มากกว่าครึ่งนั้นมีอุปกรณ์หน้าจอสัมผัสมากกว่า 3 อุปกรณ์
      
       ไมโครซอฟท์ระบุว่า การสำรวจพบว่าชาวออนไลน์มากกว่า 60% ระบุว่าใช้งานอุปกรณ์เดียวกันในการทำงานและจัดการชีวิตส่วนตัว ดังนั้นไมโครซอฟท์จึงต้องปรับปรุงให้ออฟฟิศ 2013 สามารถรองรับการทำงานกับหน้าจอสัมผัสได้ดีขึ้น ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ทั้งบนพีซีและแท็บเล็ต
      
       ครั้งนี้ไมโครซอฟท์ปรับให้ออฟฟิศ 2013 รองรับไฟล์ต่างค่ายให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่นในโปรแกรม Word ผู้ใช้จะสามารถแก้ไขไฟล์นามสกุล PDF และบันทึกกลับเป็นฟอร์แมตของค่ายอะโดบี (Adobe) ได้เช่นเดิม ขณะเดียวกันก็ปรับปรุงให้ผู้ใช้สามารถแนบคลิปวิดีโอของยูทิวบ์ (YouTube) ได้ง่ายขึ้น 
      
       ที่น่าสนใจคือ ไมโครซอฟท์ปรับให้ผู้ใช้สามารถอ่านเอกสารได้บนทุกอุปกรณ์ตั้งแต่สมาร์ทโฟนถึงพีซี โดยโปรแกรมจะช่วยจัดหน้าเอกสารให้เข้ากับขนาดหน้าจออุปกรณ์ที่แตกต่างกันโดยอัตโนมัติ และหากผู้ใช้เปิดอ่านหรือแก้ไขเอกสารค้างอยู่ตำแหน่งใด ผู้ใช้จะสามารถอ่านเอกสารในตำแหน่งนั้นเมื่อมีการเปิดขึ้นใหม่บนอุปกรณ์ใดๆ ก็ตาม



เคล็ดลับที่ทำให้ออฟฟิศ 2013 สามารถจำข้อมูลตำแหน่งล่าสุดของหน้าเอกสารที่ถูกเปิดได้ คือข้อมูลตำแหน่งจะถูกซิงก์หรือเชื่อมไปยังคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและแท็บเล็ตผ่านบัญชีผู้ใช้ที่ผูกกับบริการออนไลน์ SkyDrive โดยอัตโนมัติ ซึ่งโปรแกรมย่อยในออฟฟิศ 2013 จะล้วนสามารถผูกกับ SkyDrive เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเอกสารได้ทุกที่ทุกเวลา
      
       ในส่วนโปรแกรม Outlook ข้อมูลปฏิทินงานและรายละเอียดข้อมูลผู้ติดต่อถูกนำมาแสดงไว้ที่หน้าหลักสำหรับแสดงอีเมล ทั้งหมดนี้ไมโครซอฟท์ให้ชื่อคุณสมบัติว่า “Peeks” เพื่อเป็นตัวช่วยให้ผู้ใช้สามารถเรียกดูการนัดหมายบนปฏิทินและรายชื่อผู้ติดต่อที่เกี่ยวข้องได้จากเพจเดียว
      
       โปรแกรมนำเสนองาน PowerPoint ถูกปรับให้การแทรกไฟล์จากบริการอื่นทำได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็ปรับให้ผู้ใช้สามารถฉายเอกสารไปจนฉากโดยที่ผู้พูดสามารถดูโน้ตที่บันทึกไว้ในแต่ละสไลด์บนแท็บเล็ตหรือพีซีได้พร้อมกัน
      
       โปรแกรมบันทึก OneNote จะสามารถจดจำลายมือผู้เขียนได้ทั้งจากการสัมผัสด้วยนิ้วหรือการใช้ปากกาสไตลัส ซึ่งจะทำให้การจดบันทึกบนอุปกรณ์พกพาทำได้ง่ายโดยไม่ต้องพึ่งพาคีย์บอร์ดหรือเมาส์คอมพิวเตอร์ตามปกติ
      
       งานนี้ไมโครซอฟท์ไม่ได้มองข้ามการปรับปรุงด้านเครือข่ายสังคม ซึ่งมีบทบาทมากขึ้นในองค์กรธุรกิจยุคดิจิตอล สิ่งที่ไมโครซอฟท์ทำคือการเปิดทางให้ผู้ใช้สามารถติดตามงานหรือเอกสารที่เพื่อนร่วมงานทำอยู่ ในลักษณะเดียวกับการติดตามเรื่องราวของเพื่อนฝูงบนเฟซบุ๊ก จุดนี้เป็นผลจากการซื้อกิจการเครือข่ายสังคมนาม Yammer ด้วยเงิน 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และการซื้อกิจการบริการ โทร.ผ่านอินเทอร์เน็ตอย่าง Skype ซึ่งจะทำให้ระบบโทรศัพท์และระบบแชตถูกฝังไว้โดยตรงกับซอฟต์แวร์ออฟฟิศ
      
       ทั้งหมดนี้ นักวิเคราะห์จากฟอร์เรสเตอร์รีเสิร์ช ซาราห์ รอตแมน อิปป์ส (Sarah Rotman Epps) มั่นใจว่าออฟฟิศ 2013 จะเป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถทำยอดจำหน่ายถล่มทลายเพราะคุณสมบัติใหม่ที่ล้วนออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ชาวดิจิตอล แต่ออฟฟิศ 2013 ก็ยังมีความเสี่ยงเพราะคู่แข่งของไมโครซอฟท์รุกคืบไปพัฒนาคุณสมบัติด้านอุปกรณ์พกพาก่อนแล้ว และให้บริการฟรีหรือคิดค่าบริการต่ำมากมาก่อน
      
       การเปลี่ยนแปลงของออฟฟิศ 2013 ถูกมองว่าเป็นการตอบโต้ชุดซอฟต์แวร์เอกสารออนไลน์อย่าง Google Apps ซึ่งให้บริการบนเว็บไซต์กูเกิลโดยมีค่าธรรมเนียมต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐต่อผู้ใช้ต่อปี จุดนี้ไมโครซอฟท์ส่งผลิตภัณฑ์อย่าง Office 365 ลงมาแข่งขันอย่างเต็มตัวในราคาเท่ากัน โดยในอนาคต ไมโครซอฟท์ระบุว่าจะวางจำหน่ายโปรแกรม Office 2013 ในฐานะซอฟต์แวร์ที่ทำงานเชิงเดี่ยว (standalone) และจะจำหน่ายในรูปแบบสมาชิกควบคู่กันไป ซึ่งล่าสุดไมโครซอฟท์ยังไม่เปิดเผยกำหนดการเปิดตัว Office 365 สำหรับผู้ใช้ iPad แต่คาดว่าจะมีการพัฒนาให้รองรับแพลตฟอร์มอื่นด้วยต่อไป
      
       ทั้งหมดนี้ถือเป็นความคืบหน้าล่าสุดของโปรแกรมออฟฟิศ 2013 โดยช่วง 9 เดือนตั้งแต่กรกฎาคม 2554 ถึงมีนาคม 2555 แผนกซอฟต์แวร์ออฟฟิศสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานได้ถึง 1.16 หมื่นล้านเหรียญ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของกำไรไมโครซอฟท์




       

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Phone 5 อัพเดทข่าวเปิดตัว และ ราคา iphone 5 ปี 2012 (ไอโฟน 5) ล่าสุด [16-กรกฏาคม-2555] : ไอโฟน 5 (iPhone 5) เข้าสู่กระบวนการผลิตแล้ว ยืนยัน เปลี่ยนดีไซน์แน่นอน







[16-กรกฏาคม-2555] เกาะติดกระแสความเคลื่อนไหวกับ ไอโฟน 5 (iPhone 5) กันเหมือนเช่นเคยครับ กับข่าววงในล่าสุด ที่เผยว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) คงจะมีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์กันอย่างแน่นอนแล้ว โดยเฉพาะด้านหลังตัวเครื่อง ที่จะเป็นวัสดุแบบ unibody ครับ ซึ่งในกรอบหลังตัวเครื่องแบบ Two-tone นั้น ตรงส่วนของด้านบนและด้านล่าง จะมี "กระจก" ครอบทับอีกชั้นหนึ่ง ในขณะที่ตรงกลางตัวเครื่องนั้น จะเป็นวัสดุประเภทอะลูมิเนียมแทน ซึ่งเป็นออกแบบที่แตกต่างไปจาก iPhone 4 และ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ที่มีลักษณะแบบแซนวิช ที่ตัวเครื่องทั้งด้านหน้าและด้านหลังนั้น เป็นกระจกแบบ Gorilla Glass ครอบทั้งหมด



นอกจากนี้ จากภาพด้านบน จะสังเกตเห็นได้ว่า ระหว่างตัวเลนส์ และไฟแฟลชในด้านหลังนั้น ไม่มีรูไมโครโฟนปรากฏอยู่เหมือนเคย ซึ่งรายงานข่าวได้ระบุว่า จริงๆ แล้ว รูไมโครโฟนยังคงมีอยู่ครับ เพียงแต่ว่ารูไมโครโฟนบน ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่จะวางจำหน่ายจริงๆ นั้น มีขนาดเล็กมาก ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้ แต่ภาพหลุด ไอโฟน 5 (iPhone 5) เมื่อหลายเดือนก่อน ที่เรายังสามารถมองเห็นรูไมโครโฟนได้อย่างชัดเจนนั้น เป็นเพราะนั่นคือ เครื่องตัวอย่าง ไอโฟน 5 (iPhone 5) สำหรับดำเนินการผลิตในขั้นตอนต่อไปนั่นเอง
ส่วนกำหนดการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น คาดว่าจะอยู่ในช่วงปลายเดือนกันยายน - ต้นเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ในขณะที่กระแสข่าวหลายๆ สื่อระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ช่วงต้นเดือนกันยายน เนื่องจากจะได้จำหน่ายไอโฟน 5 (iPhone 5) ได้ทันไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้ - phonearena.com
ถ้าหากท่านใดที่ติดตามข่าวอัพเดท ไอโฟน 5 (iPhone 5) มาโดยตลอด จะเห็นว่า ข่าวในระยะหลังนี้ การออกแบบ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะออกมาในรูปนี้เสียส่วนใหญ่ โดยเฉพาะพอร์ตการเชื่อมต่อ ลำโพง ช่องเสียบหูฟัง และตัวเครื่องที่ยาวขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) รุ่นใหม่นั้น น่าจะมีการออกแบบที่ไม่แตกต่างจากจุดนี้มาก ยกเว้นแต่ความหนาของตัวเครื่อง ที่อาจจะบางลงได้ โดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ข่าวเรื่องของแบตเตอรี่ที่น่าจะเปลี่ยนใหม่ และการเปลี่ยนพอร์การเชื่อมต่อให้เล็กลง เพื่อที่จะสามารถบีบตัวเครื่องให้บางลงได้ อย่างไรก็ดี ยังมีสเปคบางส่วนที่ยังไม่สามารถคาดเดาความถูกต้องได้ เช่น เรื่องของซีพียู ความละเอียดของกล้อง ความละเอียดของหน้าจอ รวมไปถึงคุณสมบัติพิเศษที่จะทำให้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ดูโดดเด่นกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในตลาด ซึ่งคำถามทั้งหมดนี้ จะเฉลยกันอีกที ตอนวันเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ครับ


สำหรับกำหนดการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น ตามนโยบาย Product cycle ของ Apple นั้น ทำให้คาดการณ์กันว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะเปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้ แต่นักวิเคราะห์ท่านหนึ่ง นามว่า Brian White ได้คิดต่างจากนักวิเคราะห์ท่านอื่นๆ ครับ โดยกล่าวว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน ซึ่งมีเหตุผลประกอบการวิเคราะห์หลายประการด้วยกัน หลักๆ ก็คือ ในเดือนกันยายน ที่จะถึงนี้ จะมีงานเปิดตัวที่สำคัญๆ หลายงาน ไม่ว่าจะเป็น งาน Nokia World การเปิดจำหน่าย Windows 8 รวมไปถึงข่าวลือของ Samsung Galaxy Note II (Samsung Galaxy Note 2) ที่แว่วๆ ว่า จะเลื่อนเปิดตัวในเดือนนี้ เพื่อชิงเก้าอี้กับ ไอโฟน 5 (iPhone 5) เช่นกัน โดยในมุมมองของนักวิเคราะห์ มองว่า ใครชิงเปิดตัวก่อน มีสิทธิ์ก่อนครับ


อย่างไรก็ดี เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวว่า Apple กำลังประสบปัญหากับแบตเตอรี่ที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะถูกนำมาใช้บน ไอโฟน 5(iPhone 5โดยมีจำนวนแบตเตอรี่เพียง 30% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานของ Apple ในตอนนี้ แต่เชื่อว่า ปัญหาดังกล่าว น่าจะไม่มีผลกระทบอะไรกับการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) มากนัก เนื่องจาก Apple คงสามารถจัดการแก้ปัญหาได้ทันท่วงทีอยู่แล้ว ถึงแม้ว่า ในมุมมองของ Brian White จะมองว่า ยังไง ไอโฟน 5 (iPhone 5) ก็เปิดตัวเดือนกันยายนนี้แน่ๆ แต่เพื่อความสมบูรณ์ในการผลิต 100% ก็มีความเป็นไปได้ที่ ไอโฟน 5 (iPhone 5) อาจจะเลื่อนเปิดตัวไปเดือนตุลาคม ตามที่นักวิเคราะห์ท่านอื่นๆ พยากรณ์เอาไว้ก็เป็นได้ครับ
ภาพพิมพ์เขียว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ยืนยันหน้าจอใหญ่ขึ้นจริง
หลังจากปรากฎภาพ กรอบด้านหน้าและหลังของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) (ข่าวเก่า) กับส่วนประกอบต่างๆ ที่ดูเหมือนว่า ไอโฟน 5(iPhone 5) น่าจะมีการออกแบบที่แตกต่างไปจาก iPhone รุ่นปัจจุบัน ล่าสุด เว็บไซต์ Cydia blog ได้เผยภาพพิมพ์เขียว ซึ่งเป็นแบบร่าง ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่ระบุว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น มีขนาดหน้าจอที่กว้างขึ้น และที่สำคัญ รายละเอียดในแบบพิมพ์เขียวนั้น สอดคล้องกับรูปหลุดกรอบด้านหน้าและหลัง ไอโฟน 5 (iPhone 5ครับ






แหล่งข่าวล่าสุด ได้ระบุว่า บอดี้ของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปลี่ยนจากวัสดุประเภทกระจก ซึ่งใช้บน iPhone 4 และ iPhone 4S มาเป็นวัสดุแบบ Liquid Metal แทนครับ และแน่นอนว่า การออกแบบ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะแตกต่างไปจาก iPhone 4S อย่างแน่นอน
ก่อนหน้านั้น Apple ได้เคยซื้อสิทธิบัตร Liquid Metal technology มาแล้ว (แต่ก่อนเป็นของบริษัท Liquidmetal Technology) และได้นำมาผลิตเข็มจิ้มถาดซิมการ์ด ดังที่เราเห็นกันทั้งบน iPhone และ iPad โดย Liquid Metal นั้น เป็นโลหะผสมระหว่าง ทองแดง (Copper) + ไทเทเนียม + เซอร์โคเนียม + นิกเกิล ซึ่งมีลักษณะพิเศษ นั่นก็คือ ป้องกันแรงขีดข่วน แรงกระแทก และการกัดกร่อนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ การใช้ Liquid Metal เป็นส่วนประกอบนั้น จะช่วยทำให้อุปกรณ์นั้น มีความบางลงด้วยครับ
จากคุณสมบัติที่กล่าวมาข้างต้นของ Liquid Metal นั้น ทำให้คาดกันว่า บอดี้ของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะใช้วัสดุประเภท Liquid Metal แทนการใช้กระจกแบบ iPhone เจเนอเรชั่นก่อนๆ ที่เสี่ยงต่อการแตกหักได้ง่าย แต่อาจจะเป็นตัวเครื่องแบบ Unibody Liquid Metal ครับ เนื่องจากต้นทุนการผลิตค่อนข้างสูงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน - geekwithlaptop.com
ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะมีหน้าจอขนาด 4 นิ้ว????

นักวิจัยด้านการตลาด จากสถาบัน Topeka Capital Markets นามว่า Brian White ได้เปิดเผยผลการสำรวจล่าสุด หลังจากที่ได้ไปเยือนบริษัทผลิตชิ้นส่วนให้กับ Apple ในแถบเอเชีย ซึ่งพบว่า จากการพูดคุยกับ supplier หลายราย คาดกันว่า Apple น่าจะใช้หน้าจอขนาด 4 นิ้ว สำหรับการผลิต ไอโฟน 5 (iPhone 5) ครับ นอกจากนี้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ยังมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่อีกด้วย แต่ยังคงเป็นสไตล์ unibody เช่นเดิม ซึ่ง Brian White เปิดเผยว่า ดีไซน์ใหม่นี่เอง ที่จะเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ผู้บริโภค หันมาใช้ ไอโฟน 5 (iPhone 5) กันมากขึ้นครับ
นอกจากนี้ Brian White ยังได้เปิดเผยอีกว่า กระบวนการผลิต ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น จะเริ่มในเดือนมิถุนายนนี้ ก่อนจะเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ประมาณเดือนสิงหาคม - กันยายน ซึ่งทำให้ข่าวการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) ในเดือนมิถุนายนนี้ ตกไปครับ



Brian White ยังได้ระบุอีกว่า นอกจาก ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีการออกแบบใหม่แล้ว ยังเพิ่มการรองรับ 4G อีกด้วย
อย่างไรก็ดี เมื่อ ไอโฟน 5 (iPhone 5) มีหน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น ปัญหาที่ตามมาก็คือ ความละเอียดของหน้าจอครับ ทำให้มีทางเลือก 2 ทาง นั่นก็คือ เพิ่มความละเอียดของหน้าจอให้มากขึ้น แต่วิธีนี้ จะสร้างความลำบากให้กับนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นครับ หรือทางเลือกที่ 2 นั่นก็คือ ลดความหนาแน่นของพิกเซลมาอยู่ที่ 285 ppi แทน (จากเดิม 326 ppi)
นอกจากนี้ Brian White ยังได้รับข้อมูลจาก supplier ด้วยว่า iPad mini มีจริงครับ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่า จะเปิดตัวเมื่อไหร่ - macrumors.com
สำหรับสเปค ไอโฟน 5 (iPhone 5) คาดว่า คงได้ทราบรายละเอียดสเปค ไอโฟน 5 (iPhone 5) อย่างไม่เป็นทางการกันไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น จอแสดงผลของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะใหญ่ขึ้นกว่าเดิม คาดว่า น่าจะมีขนาด 4 นิ้ว หรือใหญ่กว่า, ระบบประมวลผลแบบ Quad-core Processor ชิป Apple A6, รองรับ NFC รวมไปถึงกระจกแบบ Gorilla Glass 2 ด้วย
นอจากนี้ ยังมีข่าวว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะใช้กล้องที่สามารถถ่ายภาพ ทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว แบบ 3 มิติได้ครับ
จริงๆ แล้ว การนำเทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ 3 มิติ หรือ 3D นั้น มาใช้บนสมาร์ทโฟนนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะในปีที่ผ่านมา มีสมาร์ทโฟนที่เปิดตัว พร้อมกับการถ่ายภาพแบบ 3 มิติกันหลากหลายรุ่นเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น LG Optimus 3D หรือ HTC EVO 3D แต่เทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ 3 มิติบน ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น แหล่งข่าวได้เปิดเผยว่า แตกต่างจากสมาร์ทโฟน 3 มิติรุ่นอื่นๆ โดยเป็นเทคโนโลยีที่ทาง Apple คิดค้นขึ้นเอง และได้ทำการจดสิทธิบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับรายละเอียดของ เทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบ 3 มิติ ที่ระบุบนสิทธิบัตรนั้น นั่นก็คือ ขณะที่ผู้ใช้งานทำการถ่ายวิดีโออยู่นั้น ระบบเซนเซอร์จะทำการคำนวณระยะความลึก และพื้นผิว เพื่อทำการสร้างโมเดลเชิง 3 มิติ จากนั้น ทั้งภาพหรือวิดีโอจะถูกจับคู่ให้เข้ากับ โมเดลเชิง 3 มิติ และรวมกันเป็นภาพเชิง 3 มิติขึ้นมาครับ
ถ้าหาก Apple ได้ทำเทคโนโลยีดังกล่าว มาใช้กับ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ได้ทัน ปลายปีนี้ เราคงได้พบกับ กล้องบน ไอโฟน 5(iPhone 5) ที่สามารถถ่ายภาพแบบ 3 มิติได้ครับ รวมไปถึง iPad รุ่นใหม่ ที่จะเปิดตัวในปี 2013 อีกด้วย - t3.com
สำนักข่าว iMore ได้เปิดเผยว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น จะมีขนาดหน้าจอไม่แตกต่างไปจาก ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ซักเท่าไหร่ อาจจะขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น (และไม่น่าจะถึง 4.6 นิ้ว) แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ Dock Connector บนไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีการเปลี่ยนดีไซน์ใหม่ครับ ซึ่งจะเปลี่ยนให้มีขนาดที่เล็กลง เป็นแบบ Micro Dock Connector แทน

ก่อนหน้านั้น เคยมีข่าวลือออกมาว่า Apple ไม่ค่อยพอใจกับขนาดของ Dock Connector เท่าที่ควร เนื่องจากกินเนื้อที่ภายใน (ข่าวเก่า) จึงอยากจะเปลี่ยน Dock Connector ให้มีขนาดที่เล็กลงครับ
นอกจากนี้ iMore ยังได้เผยว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3 นี้ และรองรับการใช้งานเครือข่าย LTE อีกด้วย - macrumors.com








สำหรับชื่อของ iPad รุ่นใหม่ ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า The new iPad (iPad 3) ไม่ใช่ iPad HD ตามข่าวลือ ทำให้ในตอนนี้ กระแสข่าวของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่คาดว่า จะเปิดตัวในปลายปีนี้ เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ซึ่งนักวิเคราะห์ ได้ประเมินว่า ไอโฟนรุ่นใหม่ ที่คาดกันว่า น่าจะชื่อ ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น อาจจะไม่ได้ใช้ชื่อนี้อีกต่อไปครับ แต่น่าจะเป็น "The new iPhone" ตามอย่าง The new iPad (iPad 3) นั่นเอง
โดยเว็บไซต์ 9to5Mac อ้างว่า แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับ Apple ได้เผยว่า มีความเป็นไปได้อย่างมาก ที่ Apple จะเรียก ไอโฟน 5 (iPhone 5) ว่า "The new iPhone t3.com


สำหรับชิป Apple A5X ที่ใช้บน The new iPad (iPad 3) ที่เน้นการใช้งานด้านกราฟฟิคเสียส่วนมาก เนื่องจาก GPU ที่ใช้บนThe new iPad (iPad 3) มีประสิทธิภาพระดับ Quad-core Processor ทำให้ The new iPad (iPad 3) นั้น สามารถใช้งานกราฟฟิค บนหน้าจอความละเอียดระดับ Retina Display ได้อย่างสบายๆ แต่นักวิเคราะห์ท่านหนึ่ง ได้เผยว่า ชิป Apple A5X นั้น มีความเป็นไปได้ที่ Apple จะผลิตมาเฉพาะ The new iPad (iPad 3) เท่านั้น เนื่องจาก ไอโฟน 5 (iPhone 5) หรือ The new iPhone ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้งานด้านกราฟฟิคหนักขนาดนั้น แต่น่าจะเป็นชิปตัวใหม่ ที่ใช้สถาปัตยกรรมขนาด 28 นาโนเมตรแทน ที่นอกจากจะช่วยทำให้ประสิทธิภาพในการเพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตอีกด้วยครับ
ส่วนสาเหตุที่ Apple ต้องรีบเข็น The new iPad (iPad 3) มาเปิดตัวกับชิป Apple A5X เป็นเพราะว่า Apple รอชิปตัวใหม่ ที่ใช้สถาปัตยกรรมขนาด 28 นาโนเมตร ไม่ไหวนั่นเอง - MacWorld


กำหนดการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5)



สำหรับกำหนดการเปิดตัว ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น แหล่งข่าวในต่างประเทศหลายสำนัก ไม่ว่าจะเป็น Macotakara จากญี่ปุ่น, Macrumors และ iMore ค่อนข้างให้ข้อมูลที่ตรงกัน โดยระบุว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน - ตุลาคม ในปีนี้อย่างแน่นอน ซึ่งเป็นช่วงเวลาครบรอบ Product cycle กับการเปิดตัว ไอโฟน 4S (iPhone 4S) พอดี
โดยเว็บไซต์ iMore นั้น เคยให้ข้อมูลเกี่ยวกับ The new iPad (iPad 3) ไว้ว่า จะเปิดตัวในวันที่ 7 มีนาคม ที่จะถึงนี้อีกด้วยครับ
สเปค ไอโฟน 5 (iPhone 5)
สเปคของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ตามข่าวลือในตอนนี้ ก็คือ หน้าจอทัชสกรีนแบบ Glass to glass หรือ Gorilla Glass 2 ซึ่งหน้าจอจะมีขนาดใหญ่ถึงประมาณ 4 นิ้ว ใช้ชิพเซ็ท Apple A6 แบบ ARM Quad-core Processor รวมไปถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพของกล้องถ่ายรูปด้านหลัง ที่คาดว่า น่าจะมีความละเอียดสูงกว่า 8 ล้านพิกเซล บน ไอโฟน 4S (iPhone 4S) อย่างแน่นอน นอกจากนี้ จะมีการเพิ่ม RAM และหน่วยความจำในตัวเครื่องอีกด้วย


นอกจาก ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะมีการปรับปรุงสเปคดังที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว ยังมีข้อมูลระบุอีกว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) จะชูจุดเด่นด้าน NFC เป็นหลัก ถึงแม้ว่า เทคโนโลยีนี้ น่าจะถูกนำไปใช้กับ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ก็ตาม (แต่สุดท้ายก็ยังไม่มี) ทำให้เกิดกระแสต่างๆ นานาว่า NFC น่าจะพร้อมแล้วสำหรับ ไอโฟน 5 (iPhone 5) โดยจะเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับบริษัท Mastercard อีกด้วย







ล่าสุด ได้มีนักออกแบบจาก Studio Antonio De Ros ได้ออกแบบภาพ mock up ไอโฟน ที่มีชื่อว่า iPhone SJ โดยตัวอักษร SJ นั้น ตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ Steve Jobs โดยดีไซน์และสเปคนั้น คล้ายๆ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ตามข่าวลือ นั่นก็คือ หน้าจอใหญ่ขึ้น ใช้ชิพประมวลผล Apple A6 แต่กล้องบน iPhone SJ นั้น มีความละเอียดถึง 10 ล้านพิกเซล ซึ่งเยอะกว่า ไอโฟน 5(iPhone 5) เสียอีกครับ
อย่างไรก็ดี iPhone SJ ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า จะเป็นต้นแบบของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) หรือไม่ (อ่านข่าว iPhone SJ เพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่)
(หมายเหตุ: รูปด้านบน ใช้สำหรับการประกอบข่าวเท่านั้น ไม่ใช่ iPhone 5 เครื่องจริง)
รูป mock up ที่คาดว่า น่าจะเป็น ไอโฟน 5 (iPhone 5)




จากรูปด้านบนนั้น คือรูปเสมือนจริงของ ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่ต่างคาดกันว่า ไอโฟน 5 (iPhone 5) น่าจะถูกออกแบบให้มีลักษณะนี้ นั่นคือ ความกว้างของตัวเครื่องเท่าเดิม แต่ตัวเครื่องยาวขึ้น เนื่องจากมีการปรับเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ นอกจากนี้ Dock connector ยังมีขนาดเล็กลง เหลือ 19-pin ย้ายช่องเสียบหูฟังมาไว้ด้านล่าง และเพิ่มลำโพงขนาดเล็ก 2 ตัว ตัวเครื่องมีโลหะเป็นส่วนประกอบ และเป็นแบบ Two-tone ครับ
ราคา ไอโฟน 5 (iPhone 5)
ณ ตอนนี้ ยังไม่มีข้อมูลด้านราคา ไอโฟน 5 (iPhone 5) สรุปออกมานะครับ แต่เราก็สามารถคาดเดาราคาของ ไอโฟน 5(iPhone 5) ได้ว่า น่าจะไม่แตกต่างไปจากราคา ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เปิดตัวเท่าไหร่ ซึ่งบางที อาจจะเปิดตัวด้วยราคาที่เท่ากันด้วยซ้ำไป