ข้อมูลของฉัน

รูปภาพของฉัน
นางสาวสุธิพร ผมปัน รหัสนักศึกษา 51031390186 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

งานง่าย ได้เงินเยอะ...แท็กลวงคนฝันหวาน อยากรวยเร็ว




 ในยุคที่โซเชียลเน็ตเวิร์กเข้าถึงผู้คนได้จำนวนมหาศาลเช่นนี้ หลาย ๆ ธุรกิจก็ได้มองเห็นช่องทาง และเลือกใช้  "การโฆษณา" ผ่านเครื่องมือในโลกไซเบอร์กันอย่างมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่ระยะหลัง ๆ มานี้ ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ตลอดจนโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่น ๆ มักจะถูกติดแท็ก ด้วยข้อความโฆษณาสุดแสนจะล่อใจที่ชวนให้มาสร้างรายได้เสริมอย่างเป็นกอบเป็นกำภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง กับงานสบาย ๆ รายได้งาม ที่ผู้ติดแท็กเสนอให้ หากมองดูเผิน ๆ ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย แต่ถ้าพิจารณาและหาข้อมูลเชิงลึกแล้ว จะรู้ว่า นี่คือกลลวง!

            เมื่อวันที่ 24 กันยายน หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้นำเสนอบทความที่น่าสนใจเรื่อง "ฝันสลาย วัยรุ่น พันล้าน" เพื่อตีแผ่ความจริงของโฆษณาชวนเชื่อที่ระบาดไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ตในขณะนี้ โดยระบุว่า คนกลุ่มนี้ซึ่งทำกันเป็นขบวนการที่ใหญ่มาก เอาคำว่า "ขายตรง" มาบังหน้า แต่จริง ๆ แล้ว มีการดำเนินงานเป็นธุรกิจเครือข่ายด้านมืด โดยหลอกล่อ "เหยื่อ" ซึ่งพุ่งเป้าไปยังกลุ่มวัยรุ่น นักศึกษา คนรุ่นใหม่ที่ฝันอยากเป็นเศรษฐีเร็ว ๆ ให้มาติดกับ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้พวกเขาเอง มากกว่าการมุ่งขายสินค้าในเครือข่ายอย่างที่ทำกันตามปกติ

            ทั้งนี้ กระบวนการดังกล่าวเริ่มต้นจากการชักชวน "เหยื่อ" ที่สนใจอยากมีรายได้งาม ๆ มาร่วมประชุมกับองค์กรก่อน ซึ่งจะต้องเสียเงินค่าเรียน และต้องมาร่วมประชุมหลาย ๆ ครั้ง แน่นอนว่า สิ่งที่ได้จากการประชุมแต่ละครั้งก็คือ การถูกกรอกหูด้วยคำพูดสร้างแรงบันดาลใจ อย่างเช่น อย่าคิดแต่แบมือขอเงินพ่อแม่ หรือ ทำงานกินเงินเดือนแบบนี้อีกกี่สิบปีถึงจะรวย แต่หากทำงานกับเราไม่กี่เดือนก็มีเงินเป็นกอบเป็นกำแซงหน้าเพื่อน ๆ ได้แล้ว ฯลฯ 






           หนำซ้ำ หลายองค์กรยังเชิญคนมีชื่อเสียงมาช่วยพูดกระตุ้นแรงบันดาลใจให้ผู้ฟัง เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้องค์กรด้วย ทำให้วัยรุ่นที่ฝันจะเป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืนหลายคนหลงเชื่อเอาได้ง่าย ๆ พร้อมกับยินยอมควักเงินหลักหมื่นออกจากกระเป๋า เพราะตามวิธีการขององค์กรที่หลอกแบบเนียน ๆ ไม่ทัน
            นอกจากกรณีแท็กโฆษณาข้างต้นแล้ว ยังมีกรณีเฟซบุ๊กถูกแฮก ที่เครือข่ายธุรกิจด้านมืดได้ใช้วิธีเอาของฟรีมาล่อผู้เล่นเฟซบุ๊ก ด้วยการชักชวนให้ผู้ที่สนใจสมัครร่วมกิจกรรมต้องล็อกอินเฟซบุ๊กก่อน ซึ่งหลายคนที่ได้ล็อกอินเข้าไปแทบไม่รู้ตัวเลยว่า ได้ยื่นพาสเวิร์ดของตัวเองเข้าปากเสือเสียแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ การล้วงข้อมูลในเฟซบุ๊ก เพื่อทำการกระจายโฆษณาต่อกันไปเป็นทอด ๆ จึงเกิดขึ้นโดยไม่มีที่สิ้นสุด

            หลังจากเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้น ทางเฟซบุ๊กก็ได้สั่งปรับระบบใหม่ เพื่อจัดการกับโฆษณาเหล่านี้ ซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่ง แต่กลุ่มเครือข่ายธุรกิจด้านมืดก็เปลี่ยนไปใช้วิธีตั้ง "กรุ๊ปแชท" แทน พร้อมกับพยายามหาคนมาเข้าร่วมกลุ่มให้ได้จำนวนมาก ๆ แน่นอนว่า พวกเขาก็ยังใช้วิธีเดิม ๆ คือ ชวนให้ผู้สนใจมาประชุม ฟังคำพูดสร้างแรงบันดาลใจ ก่อนจะใช้คำพูดหว่านล้อม โน้มน้าวให้ "เหยื่อ" ยอมควักเงินทำธุรกิจแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
            แม้กลโกงเหล่านี้จะถูกแฉ และตีแผ่ให้เห็นเบื้องลึกเบื้องหลังกันมากขึ้น แต่เชื่อเถอะว่า เครือข่ายธุรกิจด้านมืดคงจะมีช่องทางอื่น ๆ มาหา "เหยื่อ" คนใหม่ ๆ ต่อไปอีก ซึ่งหลายคนที่คิดไม่ทัน หรือคิดว่า "งานสบาย รายได้งาม" มีอยู่จริง ก็อาจถูกหลอกเอาง่าย ๆ แต่ถ้าใครกำลังอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ขอให้ลองตรองดูเถอะว่า งานสบาย ๆ ที่ทำเพียง 2 - 3 ชั่วโมงก็ได้เงินมาก ๆ อย่างที่เขาโฆษณากันนั้น มันมีอยู่จริง ๆ หรือ แล้วถ้ามีจริง ๆ ทุกคนคงแห่กันไปทำหมดแล้ว คงไม่มีใครยอมมานั่งทำงานตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต เหมือนอย่างที่เป็นอยู่เช่นนี้แน่ ๆ เพราะใคร ๆ ก็ต้องการความสบายจริงไหม? เพราะฉะนั้น คำพูดเหล่านี้เป็นแค่การโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้นเอง

            ถ้าหากเรามี "สติ" ไม่หลงไปเชื่อคำพูดสวยหรูดูน่าฟัง ไม่ว่าเครือข่ายไหนจะงัดกลยุทธใด ๆ ออกมาใช้ ก็คงไม่สามารถลากให้เราเข้าไปเป็น "เหยื่อ" ได้แน่นอน

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

สยอง พยาธิชุมนุมลำไส้ เรื่องใกล้ตัวที่คนนึกไม่ถึง




อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อาจเป็นอาหารจานโปรดของคนไทยหลายคน แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าคุณได้ชมรายการตีสิบ ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา อาจเข็ดขยาดอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ไปอีกนาน เพราะอาหารเหล่านี้เต็มไปด้วย “พยาธิ” ที่เข้าสู่ร่างกายของคนได้อย่างที่เราคาดไม่ถึง
ทั้งนี้ รายการตีสิบ ได้นำคลิปที่แพทย์ผ่าตัดนำพยาธิออกจากร่างกายมนุษย์มาให้ชมกัน ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นที่น่าขยะแขยงเป็นอย่างมาก เพราะพยาธิในลำไส้มีขนาดใหญ่ และยาวมากจนน่าตกใจ อีกทั้งยังมีจำนวนมากจนไม่น่าเชื่อ ทำเอาผู้ที่ชมคลิปตกตะลึงไปตาม ๆ กัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.ดร.นพ.เผด็จ สิริยะเสถียร หัวหน้าภาควิชาปรสิทวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความรู้ว่า เมื่อพยาธิเข้าไปอยู่ในลำไส้ของมนุษย์ ตัวเมียจะออกไข่วันละ 250,000 ใบ และปนออกมากับอุจจาระ เมื่อคนไปถ่ายอุจจาระลงตามพื้นดิน หรือนำอุจจาระไปทำเป็นปุ๋ย ไข่ของพยาธิที่แฝงตัวอยู่ก็จะตกลงบนพื้นดินปะปนกับพืชผักต่าง ๆ ที่เราบริโภค หรืออาจติดมือคนมาแล้วนำเข้าปากได้
สำหรับไข่พยาธินั้นมีขนาดเล็กมาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เพราะมีขนาดเพียง 60 ไมครอน ถ้าอยากรู้ว่ามีขนาดประมาณเท่าไหร่ ก็ลองแบ่ง 1 มิลลิเมตร แบ่งออกมาเป็น 1000 ส่วน ขนาดของไข่พยาธิคิดเป็น 60 ส่วนใน 1000 ส่วนเท่านั้น โดยพยาธิตัวเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ และมีหางตรง ขณะที่พยาธิตัวผู้จะตัวเล็กกว่า และมีหางโค้งงอ ซึ่งเราควรรู้ไว้ เพราะบางทีพยาธิอาจจะออกมากับอุจจาระ หรือเคลื่อนขึ้นมาที่คอ แล้วไอเอาพยาธิออกมาจากปากได้
คุณหมอ ยังได้เล่าถึงพยาธิจำนวนมากที่เห็นในคลิปข้างต้นด้วยว่า เมื่อเรามีไข่พยาธิ ไข่ก็จะฟักออกมาเป็นตัวอ่อนเล็ก ๆ แล้วจะไปอยู่ที่ปอดระยะหนึ่ง ก่อนจะไต่เข้าไปที่หลอดอาหาร ซึ่งคนไข้อาจจะไม่รู้สึกอะไร แต่วันดีคืนดี พยาธิเพิ่มจำนวนขึ้นมาก ๆ จนไปอุดตันที่ลำไส้ คนไข้ก็จะรู้สึกปวดท้อง อาเจียน ต้องเข้ามาพบแพทย์ เพื่อทำการผ่าตัดออก อย่างไรก็ตาม ในบางคนอาจมีพยาธิเพียงแค่ตัวสองตัวเท่านั้น แต่ถ้าพยาธิเคลื่อนตัวไปอยู่ในอวัยวะสำคัญ เช่น ไส้ติ่ง ทางเดินน้ำดี แล้วเกิดการอุดตัน ก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้เหมือนกัน ไม่เกี่ยวกับว่ามีจำนวนน้อยหรือมาก
ทั้งนี้ หลายคนอาจเคยรู้มาว่า ถ้าในลำไส้มีพยาธิ คนนั้นจะรู้สึกคันก้น เรื่องนี้ นพ.เผด็จ อธิบายว่า พยาธิที่ทำให้คันก้นคือ พยาธิเข็มหมุด ที่มีความยาวประมาณ 1 เซนติเมตร โดยสาเหตุที่ทำให้คนไข้รู้สึกคันก้นเป็นเพราะพยาธิเข็มหมุดตัวเมียมักจะ คลานออกมาจากลำไส้ใหญ่ แล้วมาออกไข่อยู่รอบ ๆ ก้น ทำให้เรารู้สึกระคายเคือง ถ้าเป็นเด็ก ๆ ก็มักจะใช้นิ้วเกาที่ก้น และอาจดูดนิ้วเข้าปาก แต่ที่น่ากลัวคือ พยาธิพวกนี้มีน้ำหนักเบาและเล็กมาก มันจึงสามารถแพร่เชื้อไปยังคนอื่น ๆ ผ่านทางอากาศได้ แม้แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถติดจากเด็กได้เช่นกัน
จากพยาธิเข็มหมุด มาดูพยาธิใบไม้ตับกันบ้าง โดยพยาธิชนิดนี้มักอยู่ในพืชน้ำ เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด และปลาน้ำจืดต่าง ๆ ส่วนพยาธิชนิดอื่น ๆ ก็มักพบในสัตว์ต่าง ๆ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ กบ งู สัตว์น้ำจืดทั้งหลาย แม้แต่ปลาไหลก็พบพยาธิตัวจี๊ดที่หากทานเข้าไปแล้วจะมีอาการบวมตามผิวหนัง หรือหากเป็นพยาธิปากขอก็สามารถไชเข้าผิวหนังได้ ถ้าเราเดินเท้าเปล่าบนพื้นดินในบริเวณที่มีพยาธิ
มาถึงพยาธิตัวตืด พยาธิชนิดนี้จะอยู่ในเนื้อวัว และเนื้อหมูดิบ ๆ เรียกว่า พยาธิตืดวัว และตืดหมู โดยพยาธิตืดหมูจะอันตรายกว่า เพราะในปล้องมีไข่พยาธิปนอยู่ หากทานเข้าไปก็อาจเกิดเป็นเม็ดสาคูตามร่างกาย และอาจเข้าไปอยู่ในสมอง ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิต ดังนั้น หากจะรับประทานเนื้อหมู หรือเนื้อวัว ควรทานเนื้อที่สุกแล้วเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงพยาธิที่ปนอยู่
มาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยแล้วว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองมีพยาธิในร่างกายหรือไม่ คุณหมอจึงอธิบายว่า หากเรารู้ตัวว่ามีพฤติกรรมการรับประทานอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ก็ให้ลองตรวจสอบอาการ โดยบางคนอาจมีอาการท้องเสียเรื้อรัง น้ำหนักลด มีอาการบวมตามจุดต่าง ๆ ก็ควรไปตรวจดูอุจจาระ และตรวจเลือดดู เพราะอาการแปลก ๆ นั้น อาจเกี่ยวข้องกับพยาธิได้
ส่วนที่หลายคนสงสัยว่า เราสามารถซื้อยาถ่ายพยาธิมาทานเองได้หรือไม่นั้น คุณหมอ ชี้แจงว่า ยาถ่ายพยาธิส่วนใหญ่จะฆ่าเฉพาะพยาธิตัวกลมในลำไส้เท่านั้น จะใช้ได้ผลบ้าง ในกรณีที่พยาธิไม่ได้ฝังตัวลงไปในลำไส้ หากพยาธิฝังเข้าไปอยู่ในอวัยวะส่วนที่สำคัญของร่างกายแล้ว ก็ต้องไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์จ่ายยาฆ่าพยาธิให้ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ พยาธิอาจทำให้คนเสียชีวิตได้

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

กิ๊ฟซ่า เกิร์ลลี่เบอรี่ โดนจับเมาแล้วขับ เบ่งเป็นดาราไม่ยอมเป่า




กิ๊ฟซ่า เกิร์ลลี่เบอรี่ เมาแล้วขับถูกจับคาด่านไม่ยอมตรวจแอลกอฮอล์ เบ่งเป็นดารารู้จักนายตร. สุดท้ายยอมเป่าพบปริมาณแอลกอฮอล์ เกินกฏหมายกำหนด
(11 ก.ย) เมื่อเวลา 03.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.คลองตัด จับกุม น.ส.ปิยา พงศ์กุลภา หรือ กิ๊ฟซ่า วงเกิร์ลลี่เบอร์รี่ นักร้องชื่อดัง อายุ 28 ปี ในข้อหาเมาแล้วขับ ย่านพัฒนาการ 37 ซึ่งในตอนแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจ นักร้องคนดังกลับไม่ยอมเป่าปริมาณแอลกอฮอล์นานถึง 3 ชั่วโมง โดยบอกเป็นดาราและรู้จักนายตำรวจมากมาย พร้อมบอกว่าจะรอสร่างเมาแล้วค่อยเป่า เพราะไม่อยากขึ้นศาล แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันจะขอตรวจปริมาณแอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สุดท้ายกิ๊ฟซ่า จึงยอมเป่าพบระดับปริมาณแอลกอฮอล์ 82 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ ซึ่งเกินกฏหมายกำหนด โดยเจ้าตัวยอมรับว่าดื่มสุราจากสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ตั้งแต่เวลา 22.00-01.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวส่ง สน.คลองตัน เพื่อรอส่งศาลต่อไป
ล่าสุด พ.ต.ท.สง่า ปัญญา พนักงานสอบสวน (สบ.2) สน.คลองตัน เปิดเผยว่า กิ๊ฟซ่า ได้ใช้เงินสดจำนวน 20,000 บาท ประกันตัวออกไป และได้นัดหมายนักร้องสาวอีกครั้งในวันที่ 12 ก.ย. เพื่อนำตัวส่งฟ้องไปยังศาลจังหวัดพระโขนง

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ผอ.โรงเรียนบัวน้อยวิทยา พา น.ร สาวเข้าม่านรูด




เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นเมื่อวันที่  22 ส.ค. ที่ผ่านมา  เวลาประมาณ  19.00 น.   นางแอน(นามสมมุติ) ได้แจ้งความที่  สภ.กันทรารมย์   จังหวัดศรีสะเกษ   ว่านายสรรค์นิธิ พรมสาร   ผู้อำนวยการโรงเรียนบัวน้อยวิทยา ได้พา น.ส.คิม(นามสมมุติ) ลูกสาวของตนเข้าโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง
ทั้งนี้  ภายหลังจากที่เกิดเหตุ  น.ส.คิม  ได้เข้ารับการตรวจหาร่องรอยการร่วมเพศ  ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหากับ   นายสรรค์นิธิว่า พรากผู้เยาว์    กระทำชำเราหญิงที่อายุไม่เกิน 18 ปี  แต่นายสรรค์นิธิ  ยังคงให้การปฏิเสธและขอไปให้การในชั้นศาล
อย่างไรก็ตาม  นันทพันธ์   ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขตที่ 28 ศรีสะเกษ    กล่าวว่า  ตนได้มีคำสั่งให้นายสรรค์นิธิ  พรมสาร  เข้ามาช่วยราชการในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขตที่ 28 แล้ว  พร้อมกับจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนวินัยร้ายแรง ซึ่งถ้ากระทำความผิดจริงก็จะต้องโทษถึงกับไล่ออก

สลด...นร.คลิปหลุดโรงหนัง ผูกคอตาย





จากกรณีคลิปหลุดนักเรียนชาย-หญิง เข้าไปมีเพศสัมพันธ์กันในโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี จนกลายเป็นประเด็นร้อนในสังคม ล่าสุด มีผู้โพสต์ข้อความลงใน เว็บไซต์พันทิปดอทคอม อ้างว่า นักเรียนหญิงในคลิปที่ตกเป็นข่าวได้ผูกคอตายแล้ว
เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีคนเข้ามาโพสต์ข้อความลงใน เว็บไซต์พันทิปดอทคอม ห้องเฉลิมไทย ใช้ชื่อว่า come from KKL อ้างว่าเด็กนักเรียนหญิงในคลิปนักเรียนชาย-หญิง เข้าไปมีเพศสัมพันธ์กันในโรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในจังหวัดราชบุรี ได้ตัดสินใจผูกคอตาย โดยมีข้อความระบุไว้ว่า "ไม่รู้จะโทษสื่อ หรือโทษใครดี กรณีคลิป เด็ก ม.ต้น .... ในโรงหนังราชบุรี ผมไม่แน่ใจว่าโพสต์ผิดหมวดหรือเปล่า ถ้าผิด รบกวนย้ายให้ด้วยนะครับ จากข่าวครึกโครมที่ผ่านมา และคลิปที่แพร่หลาย เรื่องเด็ก ม.ต้น ไปมี sex กันในโรงภาพยนต์ (จ.ราชบุรี) เพื่อนผม โทรมาบอกว่า ตอนนี้ เด็กผู้หญิงในคลิปนั้น ได้ผูกคอตายแล้วนะครับ เพื่อนผม ที่อยู่ ราชบุรี พึ่งไปวางพวงหรีดมาเมื่อวาน (บ้านอยู่ไม่ไกลกันนัก) ผมไม่ขอวิจารณ์ ละกันครับ ยังไง ขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวผู้จากไป ด้วยนะครับ"
ทันทีที่ชาวเน็ตทราบเรื่องก็เข้ามาแสดงความเห็นอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

นางสาวไทย 2555 โบว์ลิ่ง ปริศนา สาวปริญญาโท คว้ามงกุฎไปครอง

     



             ประกาศผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับเวทีการประกวด "นางสาวไทย 2555" เพื่อเป็นทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เผยแพร่วัฒนธรรมที่ดีงามของไทย เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2555 ณ แจ้งวัฒนะฮอลล์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ 


และสาวงามที่สามารถพิชิตมงกุฎนางสาวไทย 2555 ไปครอง ได้แก่ โบว์ลิ่ง-ปริศนา กัมพูสิริ อายุ  25 ปี นักศึกษาปริญญาโท คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 


          ทั้งนี้ สำหรับของรางวัลที่นางสาวไทย 2555 จะได้รับ เช่น รางวัลเงินสด 1.2 ล้านบาท รถยนต์อีซูซุ มิว-เซเว่น ช้อยส์ และรางวัลอื่น  รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 8 ล้านบาท พร้อมดำรงตำแหน่งทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ โบว์ลิ่ง คว้ามาแล้ว 2 รางวัล คือ รางวัล Miss Think Positive by BSC Cosmetology และ รางวัลนางงามมิตรภาพ


     ใขณะที่รองอันดับ 1 ได้แก่ ใบเตย-ปุณณิศา ศิริสังข์ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาการประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เจ้าของรางวัลขวัญใจสื่อมวลชน
  
    ส่วนรองอันดับ 2 ได้แก่ ดาว-ณัฐอร โสภณ อายุ 23 ปี จบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ อีกทั้งยังเป็นเจ้าของรางวัลนางงามรูปร่างดีด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เผยนาทีชีวิต 'น้องมาย' โกวิทใจสลาย! ฝันอยากให้ลูกเป็นนางเอก



เย็นวันนี้ (9 ส.ค.) ที่ รพ.เปาโลเมมโมเรียล นำโดย นายแพทย์ พิชัย แพร่ภัทร ผู้อำนวยการ  พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้รักษา นพ.ตุ๋ย รุ่งเจริญ แพทย์ประจำศูนย์โรคระบบประสาทและสมอง พร้อมด้วย ผช.ศ.นพ.วีรยะ เภาเจริญ ศัลยแพทย์ รพ.เปาโลฯ ร่วมกับนายโกวิท น.ส.มิณฑิตา วัฒนกุล สองพ่อลูกดารานักแสดง ได้ร่วมกันแถลงข่าวการเสียชีวิตของ น.ส.มาธวี  หรือน้องมายด์ วัฒนกุล อายุ 21 ปีบุตรสาวคนสุดท้อง
นพ.พิชัย เปิดเผยว่า ทาง รพ.ได้รับคนไข้เมื่อเวลา 06.00 น. ซึ่งหน่วยกู้ภัยนำตัวมาส่งที่แผนกฉุกเฉิน ตอนนั้นผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัส ได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะอย่างหนัก จึงได้นำตัวสแกนสมอง ก่อนส่งเข้าที่ห้องไอซียู ผู้ป่วยไม่รู้ตัว จากการตรวจพบว่า  สมองบวม กะโหลกศีรษะร้าว ก้านสมองบวมมาก และถูกกดทับ ไหปลาร้าหัก ปอดซีกขวาฉีกขาด ความดันของคนไข้ลดต่ำอยู่ตลอดเวลา ทาง รพ.ได้ระดมทีมแพทย์เฉพาะทางมาให้การช่วยเหลือ แต่อาการของผู้บาดเจ็บไม่ดีขึ้น จากนั้นไม่นานชีพจรและหัวใจเริ่มหยุดเต้น ทางทีมแพทย์ได้ทำการปั๊มหัวใจเพื่อยื้อชีวิต เลือดได้ไหลออกทางจมูกและปาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สมองและกะโหลกได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงมาก จากนั้นสัญญาณชีพจรก็หายไป ก่อนที่คนไข้จะสิ้นลมไปอย่างสงบ สาเหตุหลักคือ สมองถูกกระทบเทือนอย่างรุนแรง

ด้าน นายโกวิท กล่าวทั้งน้ำตาว่า ชีวิตลูกผู้ชายอย่างตั้งแต่เกิดมาจนถึงขนาดนี้ ไม่มีครั้งไหนที่จะมีการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เหมือนครั้งนี้ ถือว่าครั้งนี้หนักสุด ๆ เพราะลูกสาวตนทุกคนคือแก้วตาดวงใจ นาทีที่รู้ว่าลูกสาวเกิดอุบัติเหตุก็ได้แต่ภาวนาไม่ให้มีอะไรรุนแรง แต่พอทราบว่าอาการหนัก ส่งเข้าที่รพ.เปาโลฯ ใจหนึ่งก็ยังเชื่อมั่นว่าถึงมือแพทย์ที่รพ.เปาโลฯแล้ว โอกาสรอดยังมีสูง เนื่องจากทางรพ.เปาโลฯขึ้นชื่อเรื่องการยื้อชีวิตอยู่แล้ว ระหว่างที่ทางทีมแพทย์ทำการรักษายื้อชีวิต ตนและครอบครัวก็ได้ภาวนาอธิษฐานผลบุญกุศลที่ทำมาทั้งชีวิต ทั้งผลบุญที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนนักแสดงร่วมวงการเดียวกัน เพื่อให้ผลบุญกุศลเหล่านั้น มาสร้างปาฏิหาริย์ช่วยให้ลูกสาวฟื้นคืนมา แต่สุดท้ายปาฏิหาริย์ก็ไม่เกิดขึ้น ลูกสาวได้จากไปแล้ว ตนหวังพึ่งแต่ปาฏิหาริย์ เพราะหลายครั้งหลายครอบครัวเคยมีเหตุการณ์เสี่ยงตายจากคนที่ประสบอุบัติเหตุรุนแรงก็ได้รอดตายมาแล้ว แต่สุดท้ายปาฏิหาริย์ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับน้องมายด์ สงสัยเบื้องบนคงเห็นว่าน้องมายด์เป็นคนดี จึงต้องการเอาไปอยู่ด้วยเร็วๆ

นักแสดงอาวุโส กล่าวต่อว่า ตนได้วางแผนชีวิตให้กับลูกสาวคนนี้ ที่ใกล้จะเรียนจบปริญญาตรี เพราะเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 คณะมนุษยศาสตร์ เอกการท่องเที่ยวและการโรงแรม ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ก็ยังได้พูดคุยทาบทามกับนายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าเมื่อลูกสาวเรียนจบแล้วจะให้เข้าไปทำงานในกระทรวง เพราะตรงกับสายที่เรียนจบมา ขณะเดียวกันก็วางแผนกันไว้ว่า จะผลักดันลูกสาวเข้าวงการบันเทิงให้เหมือนกับพี่สาว โดยวางแผนจะให้แสดงภาพยนตร์ที่ตนวางบทแสดงไว้ให้แล้ว ชื่อเรื่อง "อารีดัง" ให้เล่นคู่กับมิ้นท์ พี่สาว เป็นนางเอกคู่กัน ส่วนอีกเรื่อง "หักงวงไอยรา" เป็นหนังที่เกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้แบบมวยไทย และเผยแพร่ทัศนียภาพแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆในประเทศไทย โดยจะให้ลูกสาวรับบทเป็นมัคคุเทศก์ ซึ่งจะมีการอธิบายให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เนื่องจากน้องมายด์เป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษ แต่สุดท้ายความหวังก็พังทลายหายไป ไม่รู้ว่าตนจะมีใจสร้างหนังทั้งสองเรื่องที่คาดหวังไว้หรือไม่ ที่ผ่านมาน้องมายด์ พยายามหางานพิเศษทำอยู่ตลอด ช่วยเหลือแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก เคยรับงานเป็นทีมล่ามให้กับนักฟุตบอลระดับโลก หลุยส์ นานี่ นักฟุตบอลชื่อดังชาว โปรตุเกส และโรนัลโด้ มาแล้ว เพื่อหารายได้พิเศษตลอด ไม่เคยต้องรบกวนครอบครัวเลย

พ่อผู้สูญเสีย ที่มีน้ำตาคลอเบ้า กล่าวต่ออีกว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงเวลาเที่ยงคืน ลูกสาวได้ออกจากบ้านโดยบอกว่า ได้นัดหมายกับกลุ่มเพื่อนที่เรียนด้วยกันจะไปติวหนังสือเพื่อที่จะทำการสอบในวันที่ 10 ส.ค. ซึ่งจริงๆแล้ว ตอนแรกลูกสาวไม่ค่อยอยากจะออกไป เนื่องจากในช่วงบ่ายวันที่ 9 ส.ค.ลูกสาวได้รับงานอีเว้นท์ไว้ แต่เนื่องจากกลุ่มเพื่อนได้รวมตัวกันและไปรอที่ติวหนังสือไว้แล้ว จึงขัดเพื่อนไม่ได้ จึงอนุญาตให้ไปได้ และก็มีเหตุการณ์ที่เหมือนเป็นลางบอกเหตุ เนื่องจากจะหอมแก้มลูกสาวเป็นประจำทุกวัน แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาได้หอมแก้มลูกสาวถี่และหลายครั้งเป็นพิเศษ เหมือนเป็นลางบอกเหตุว่าจะได้หอมลาเป็นครั้งสุดท้าย อยากฝากไปถึง ทุกๆคน เกี่ยวกับเรื่องการใช้รถใช้ถนนให้มีความระมัดระวัง หรือใครที่จะเดินทางไปไหน ไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือไปทำงาน ไปติวหนังสือ การติวหนังสือติวอยู่บ้านจะปลอดภัยที่สุด อยู่ในสายตาของพ่อแม่ พ่อแม่จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง หวังว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาวคงเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายคน

ส่วน น.ส.มิณฑิตา หนือ น้องมิ้นท์ พี่สาว  ก็กล่าวเพิ่มเติมว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องทำใจเพราะว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีเกิด แก่ เจ็บตาย  แต่น้องสาวของตนก็ได้ตายก่อนที่จะแก่ ถือว่าได้ไปสบาย ทางครอบครัวไม่อยากให้น้องสาวทุกข์ทรมานและขอขอบคุณทีมแพทย์ที่พยายามช่วยชีวิตน้องสาวอย่างเต็มที่ แต่ในเมื่อยื้อถึงที่สุดแล้ว ก็ต้องปล่อยน้องให้หลับอย่างสบาย ถ้าเกิดยื้อกลับคืนมาแล้วน้องยังต้องทุกข์ทรมานก็ไม่สมควรที่จะยื้อ สมควรที่จะปล่อยให้น้องไปสบาย ขอให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องเป็นอุทาหรณ์กับทุกคนในการใช้ชีวิตให้มีสติ อย่าประมาท หรือแม้กระทั่งการขับรถก็ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ถ้าง่วงก็ไม่ขับ รักษากฎจราจรเพื่อที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์สะเทือนใจเหมือนกับน้องมายด์ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วก็ควรที่จะมีสติทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้

"รู้สึกเสียดายที่หนูกับน้องมายด์ไม่ค่อยมีเวลาที่จะทำกิจกรรมร่วมกับเท่าไหร่นัก และก็เสียดายเพราะอนาคตน้องสาวค่อนข้างสดใส เรียนก็กำลังจะจบ เรื่องทางด้านบันเทิงทางพ่อก็ได้ตระเตรียมไว้ให้แล้ว  มายด์ชอบที่จะถือศีล บวชชีพราหมณ์ ซึ่งวันสองวันที่ผ่านมา เคยเอาชุด บวชชีพราหมณ์ นุ่งขาว ห่มขาว  มาเตรียมไว้ เพื่อที่จะไปบวชชีพราหมณ์ แต่เนื่องจากมายด์ติดงาน ก็เลยต้องยกเลิกการบวชชีพราหมณ์ออกไปก่อน สุดท้ายก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ดังนั้นจึงคิดว่าจะนำชุดดังกล่าว ถวายอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้กับมายด์ ตามที่ได้ตั้งใจไว้" น.ส.มิณฑิตา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีบรรดาเพื่อนนักศึกษาของน้องมายด์ เดินทางมาดูศพต่างพากันร้องไห้ เศร้าโศกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังมีบรรดาเพื่อนนักแสดงในวงการของนายโกวิท และเพื่อนร่วมวงการของน้องมิ้นท์ เดินทางมาให้กำลังใจกับทางครอบครัว  ปลอบใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนี้ทางโรงพยาบาลได้แจ้งกับทางพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อให้เดินทางมาทำบันทึกประจำวันเกี่ยวกับการเสียชีวิตที่รพ. ก่อนที่จะนำศพส่งไปให้กับทางสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ  ก่อนที่จะส่งให้กับทางญาติ ไปบำเพ็ญส่วนกุศล โดยทางครอบครัวจะนำศพไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลที่วัดชลประทานฯ จ.นนทบุรี..

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ช็อก! คลื่นดูดนักท่องเที่ยวเกาหลีลงทะเลกว่าร้อยคน


(7 ส.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานที่ชายหาดแฮอึนแด ประเทศเกาหลีใต้ เกิดกระแสน้ำรูปเห็ดหรือ Rip Current ที่ชายหาดในเกาหลีใต้ นักท่องเที่ยวถูกดูดลงทะเลกว่า 143 คน บางคนถูกคลื่นดูดออกจากฝั่งลงทะเลไกลเกือบกิโลเมตร

ตามรายงาน เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด ทำให้นักท่องเที่ยวกว่า 8 แสนคนเดินทางมาพักผ่อนที่ชายหาดแฮอึนแด ซึ่งเป็นจุดพักร้อนที่มีชื่อเสียงทางชายฝั่งตอนใต้ของเกาหลี ระหว่างหอสังเกตการณ์ชายฝั่งที่ 5 และที่ 7 ได้เกิดคลื่นดูดขนาดใหญ่ เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวกว่า 143 คนถูกดูดลงทะเล กว่า 66 คนถูกคลื่นดูดออกจากฝั่งไกลถึง 70-80เมตร ความเร็วขึ้นประมาณ 2 เมตรต่อวินาที ขณะนี้นักท่องเที่ยวได้ถูกช่วยเหลือขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัยไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
ริบ เคอร์เรนท์ (Rip Current) แปลเป็นภาษาไทยตรงตัวก็คือ "กระแสน้ำรูปเห็ด" หลายคนคนเข้าใจผิดว่า คือ ทะเลดูด ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ เนื่องจากทะเลดูดจะดูดสิ่งต่าง ๆ จากผิวน้ำลงไปใต้น้ำ แต่กระแสน้ำรูปเห็ดนี้จะเกิดขึ้นบนผิวน้ำและใกล้ชายฝั่งมีรูปร่างคล้ายดอกเห็ดจึงเรียกกันว่า Rip Current หรือ กระแสน้ำรูปเห็ด ความเร็วขึ้นอยู่กับความสูงของคลื่น รูปร่างและความลาดชันของฝั่งทะเล รวมทั้งขนาดของตะกอน และสิ่งกีดขวาง โดยจะเกิดขึ้นบริเวณไม่ไกลจากริมฝั่ง
กระแสน้ำที่เกิดโดยคลื่นใกล้ฝั่งมีหลายชนิด แต่บริเวณที่ก่อให้เกิด Rip Current คือบริเวณโซนคลื่นแตกจะอยู่บริเวณใกล้ฝั่ง ในเวลาที่คลื่นเดินทางมาใกล้ฝั่งจะมีความสูงมากขึ้น เนื่องจากมันจะต้องเปลี่ยนแปลงรูปร่างเพื่อให้เกิดการสมดุล ถ้าหากความสูงของ คลื่นมากกว่า 7 เท่าของความยาวคลื่น หรือ ความลึกของน้ำมากกว่าครึ่งหนึ่งของความยาวคลื่น คลื่นก็จะแตก เพราะไม่มีความสมดุลของพลังงาน 
ในประเทศไทยบริเวณที่เกิดการจมน้ำตายจากกระแสน้ำนี้ประจำ ได้แก่หาดสุรินทร์ จังหวัดภูเก็ต เนื่องจากหาดลาดชันมาก ถ้าเปรียบเทียบกับหาดแม่รำพึงแล้วพบว่าหาดแม่รำพึงยังชันน้อยกว่ามาก




วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ฮือฮา! นักโทษจีนบริจาคอวัยวะให้ผู้อื่น





กลายเป็นข่าวฮือฮาที่เกิดขึ้นในประเทศจีนเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน เมื่อมีรายงานว่า ผู้ต้องขังชาวจีนรายหนึ่งตัดสินใจบริจาคอวัยวะของตัวเองให้ผู้ป่วย หลังจากรู้ตัวว่า ตัวเองจะมีลมหายใจอยู่บนโลกนี้ได้อีกไม่นาน ซึ่งการที่นักโทษตัดสินใจบริจาคอวัยวะให้ผู้อื่นนี้ถือเป็นกรณีแรกที่เกิดขึ้นในประเทศจีน
            ทั้งนี้ นักโทษคนดังกล่าวมีชื่อว่า เฉิน หมิงเลี่ยง อายุ 48 ปี เป็นชาวอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย เคยถูกจับกุมข้อหาปล้นทรัพย์ และถูกตัดสินจำคุกในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวออกมา แต่นายเฉินกลับไปก่อเหตุซ้ำอีก ทำให้เมื่อปี ค.ศ. 2008 ศาลจึงตัดสินจำคุกเขาอีกครั้งเป็นเวลา 13 ปี
            อย่างไรก็ตาม ขณะที่อยู่ในเรือนจำซาหยางเหอฮัว ในเขตจิงเหมิน นายเฉินได้รับความทุกข์ทรมานจากอาการป่วยหนัก และเมื่อแพทย์ตรวจร่างกายของนายเฉินก็พบว่า เขาป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ซึ่งจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ในช่วงเวลานั้นเอง นายเฉินได้พบกับตำรวจ เหลียง เทา ที่เข้ามาช่วยเหลือนายเฉิน โดยการพาเขาไปหาหมอที่โรงพยาบาล และยังช่วยหางานให้ลูกชายเขาได้ทำด้วย ทำให้นายเฉินเกิดความซาบซึ้งตัดสินใจจะบริจาคอวัยวะของตัวเอง เพื่อต่อชีวิตให้ผู้ป่วยรายอื่น
           



 "แม้ว่าตลอดชีวิตของผมจะไม่ได้เป็นคนสำคัญอะไร แต่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต ผมก็ปรารถนาจะได้ช่วยเหลือสังคมบ้าง" นายเฉิน กล่าว
     แต่ทว่า หลังจากนายเฉินตัดสินใจบริจาคอวัยวะได้เพียง 2 เดือน ในวันที่ 12 กรกฎาคม เวลา 07.55 น. เขาก็ได้เสียชีวิตลง เนื่องจากหัวใจหยุดทำงาน ทางด้านนายตำรวจเหลียง เทา ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือครอบครัวนายเฉินจัดพิธีศพ พร้อมกับติดต่อให้เจ้าหน้าที่ของสภากาชาดเมืองอู่ฮั่นเข้ามาดำเนินการเรื่องบริจาคอวัยวะ ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่สภากาชาดได้ผ่าตัดอวัยวะของนายเฉินแล้ว พวกเขาได้ร่วมกันร้องเพลงเพื่อแสดงความซาบซึ้ง และขอบคุณในความเสียสละของนายเฉิน ก่อนที่จะร่วมกันโค้งคำนับให้นายเฉินเป็นครั้งสุดท้าย
ทั้งนี้ ดูเหมือนว่าการทำความดีครั้งสุดท้ายของนายเฉินจะทำให้เขานอนตายตาหลับแล้ว เพราะเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา แพทย์เพิ่งจะได้ทำการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายกระจกตาของนายเฉินให้กับผู้ป่วยโรคตา 2 รายได้สำเร็จ

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อีกที..จากคนใกล้ตัวน้องผู้ชายที่เสียชีวิต





อีกที..จากคนใกล้ตัวน้องผู้ชายที่เสียชีวิต

* เรื่องมันไม่ได้มาจากเฟสบุ๊ก *

น้องผู้ชายคนที่ตายเป็นเดือนโรงเรียน 

น้องผู้หญิงไปเรียนต่อต่างประเทศได้แอบปลื้มรุ่นพี่คนที่เสียชีวิต และได้บอกว่าจะกลับมาเที่ยวไทย

และอยากเจอรุ่นพี่คนนี้จึงได้ส่งข้อความบอกทางเฟสบุ๊ค น้องผู้ชายจึงเดินทางไปพบ น้องผู้หญิงจึงพาไปพบแฟนหนุ่มที่มาด้วยกัน จากนั้นคิดเอาเองครับว่าเกิดอะไรขึ้น

ผมไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจน้องผมผิด คำให้การของผู้หญิงบอกว่า ผู้ชายแย่งเธอ จึงเกิดเหตุขึ้น ดูภาพเอาเองครับว่าน้องผู้ชายสมควรแล้วหรือยังที่ต้องมาเสียชีวิตแบบนี้ ทั้งที่เป็นคนดี มาตลอด เป็นความหวังของครอบครอบครับ ขอให้น้องไปสู่ภพชาติที่ดีนะครับ RIP

ปล. คำให้การต่างๆ ที่ลงข่าว มาจากผู้หญิงในรูปเพียงคนเดียว ว่าผู้ชายสองคนนี้แย่งเธอ......และแฟนเธอที่เป็นชาวต่างประเทศ ก็ให้การไปในทางเดียวกัน เพื่อเอาตัวรอด ดังนั้นอยากให้พิจารณากันดีๆ ก่อนจะเืชื่อปากคำของสองคนนี้

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

โรคมือเท้าปาก โรคของเด็กที่ผู้ใหญ่ต้องเฝ้าระวัง







ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองต้องเฝ้าระวังลูกหลานอย่างใกล้ชิด หลังมีข่าวการระบาดโรคมือเท้าปากในเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี และต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดกันอีกครั้ง เมื่อมีการสั่งปิดโรงเรียนหลังพบเด็กป่วยด้วยโรคนี้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ปกครองกังวลใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าตัวน้อย

โรคมือเท้าปาก

โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเอนเทอโร ซึ่งมีหลายชนิด พบได้บ่อยทั่วโลก ในกลุ่มเด็กทารก และเด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 5 ปี การระบาดมักเกิดขึ้นในศูนย์เด็กเล็ก และโรงเรียนอนุบาล โดยทั่วไปมีอาการไม่รุนแรง ผู้ป่วยมีไข้ต่ำ ๆ เกิดตุ่มพอง และแผลเล็กๆ ในปาก คอ มีตุ่มที่ มือ เท้า และบริเวณก้น แต่เชื้อไวรัสบางสายพันธุ์ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น อาการทางระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท สมองอักเสบหรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โรคนี้ติดต่อได้จากการสัมผัสโดยตรงกับน้ำมูก น้ำลาย อุจจาระ หรือตุ่มพองและแผลของผู้ป่วย รวมทั้งการติดต่อทางน้ำหรืออาหาร

นพ.นพพร ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ทางช่อง 3 ว่า ขณะนี้ในประเทศไทยเกิดโรคมือเท้าปากที่เกิดจากเชื้อในลำไส้ชนิดไม่รุนแรง และยืนยันว่ายังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยจากข้อมูลพบว่ามีอัตราป่วยของโรคเพิ่มขึ้นในภาคเหนือตอนบน เช่น จังหวัดเชียงราย พะเยา เชียงใหม่ ภาคอีสานใต้ เช่นจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ ตะวันออก เช่น จังหวัดชลบุรี ระยอง ตราด ภาคใต้ที่จังหวัดยะลา สตูล สงขลา และพื้นที่ที่มีฝนตกหนัก เพราะเชื้อจะเพาะได้เร็ว ดังนั้นหากพบเด็กที่มีอาการไข้สูงเกิน 3 วัน ซึม อาเจียนต้องรีบนำไปพบแพทย์เพราะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมือเท้าปาก หากปล่อยไว้ในวันรุ่งขึ้นจะทำให้เด็กเกิดอาการชัก และหัวใจหยุดทำงานได้ จึงควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด อย่าประมาท เนื่องจากเชื้อไวรัสนั้นไม่มียารักษา แต่ต้องใช้ภูมิร่างกายตนเองต่อสู้กับเชื้อโรค ดังนั้น พยายามล้างมือบ่อยๆ ดื่มน้ำสะอาด ออกกำลังกาย กินอาหารให้ครบ 5 หมู่

ส่วนโรงเรียนที่มีการปิดเรียนนั้น ขออย่าให้ประชาชนตื่นตระหนก เพราะการที่โรงเรียนปิดถือว่าน่าชมเชยเพราะถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการตัดตอนโรคไม่ให้แพร่เชื้อ อย่างไรก็ตามย้ำว่ามาตรการการปิดเรียน กรณีพบเชื้อคือหากโรงเรียนพบเด็กที่ป่วยโรคมือเท้าปาก 5 ห้องเรียนต่อ 1 โรงเรียนให้ปิดเรียนได้ทันที หากน้อยกว่านั้นก็เลือกปิดเฉพาะห้องเรียนนั้นๆ ไป เพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค

"เชื้อโรคมือเท้าปากนั้นจะอยู่ในลำไส้คน บางคนอยู่ได้ 6 เดือนก็มี เมื่อถ่ายแล้วเด็กไปเข้าห้องน้ำสาธารณะแล้วไม่ล้างมือ ก็ไปเอาเชื้อมา ก็มีอาการและต่อๆ กันไป ผู้ใหญ่รับเชื้อไปได้เหมือนกัน แต่ไม่มีอาการ โดยเป็นพาหะได้ และที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าจะไม่พบโรคนี้ แต่พบหนักๆ ตอนโรงเรียนเปิด ความจริงแล้วก็ไม่น่ากลัวเพราะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น และไม่อยากให้ประมาท และน่าสงสารเด็กและผู้ปกครองอย่างมาก เพราะเมื่อเด็กเป็นโรคจะกินอาหารไม่ได้ถึง 7 วันเลย ดังนั้นพ่อแม่ต้องสังเกตอาการของลูก อาจจะซื้อปรอทวัดอุณหภูมิไว้ที่บ้าน เมื่อลูกมีไข้จะได้วัดได้ ถ้าอุณหภูมิถึง 39 ต้องรีบส่งโรงพยาบาลแล้ว"นพ.นพพรกล่าว

สำหรับความแตกต่างของโรคมือเท้าปากกับโรคหวัดนั้น คือผู้เป็นโรคหวัดจะไม่มีผื่นที่มือ ปาก และเท้า โดยเฉพาะที่เท้าจะไม่เกิด และแม้เด็กบางรายไม่แสดงอาการผื่นที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ขอให้สังเกตลักษณะอาการ หากพบว่ามีไข้สูง ซึม ถือว่าเสี่ยงอันตรายต่อการเกิดโรค ไม่เฉพาะโรคมือเท้าปากเท่านั้น แต่อาจรวมไปถึงโรคไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนก จึงต้องรีบพบแพทย์

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาตรการ ดังนี้

1. เร่งรัดมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค

2. กำชับแพทย์ในสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ในพื้นที่ให้ระมัดระวัง

3. ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงของโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ป่วยที่อาจไม่ได้มาด้วยอาการตุ่มที่ปาก หรือฝ่ามือ ฝ่าเท้า

4. ทำการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เรื่องโรคมือ เท้า ปาก แก่ประชาชน เน้นการรักษาสุขอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ หากมีผู้ป่วยสงสัยมือ เท้า ปากที่มีไข้สูง ซึม ชัก หายใจ หอบเหนื่อย ให้รีบพาไปพบแพทย์

5. ให้จังหวัดที่พบผู้ป่วยมากกว่า 10 รายต่อวัน เปิดศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัด (War room) โดยเรียนเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน

6. ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปลัดกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ในการร่วมเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก ในศูนย์เด็กเล็ก สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานศึกษา และชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเน้นสุขอนามัย และการทำความสะอาดในโรงเรียนอนุบาลและโรงเรียนประถมศึกษาทั่วประเทศ รวมทั้งคำแนะนำผู้เดินทางไป-กลับจากประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้ ซึ่งยังสามารถเดินทางได้ตามปกติ แต่ควรปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดี ล้างมือบ่อย ๆ

เด็กขวบเศษเป็นโรคกระดูกกรอบ







พบหนูน้อยอายุขวบเศษเป็นโรคกระดูกกรอบ และยังมีอาการปอดโต ขาดแคลเซียม พ่อ-แม่เผย จะพยายามเลี้ยงดูให้ดีที่สุด แม้จะขัดสนเงินทองในการรักษา
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่กระต๊อบ เลขที่ 111 ม.1 ต.ดงคู่ อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของ น้องปาล์มมี หรือ เด็กหญิงวนิดา อยู่สน ที่ชีวิตต้องเผชิญกับโรคร้ายตั้งแต่แรกคลอด
นางกฤษณา ยอดสกุลณี อายุ 20 ปี แม่ของน้องปาล์มมีเล่าว่า ตอนคลอดน้องมีน้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม น้องเกิดมาพร้อมกับขาซ้ายที่บิดงอ แต่เนื่องจากเป็นลูกคนแรกจึงไม่รู้ว่ามีอาการผิดปกติ จนอายุประมาณ 2 สัปดาห์ จึงเห็นชัดเจนขึ้นว่าส้นเท้าไม่มีกระดูกเพราะจับแล้วนิ่มไปหมด สามารถหมุนเป็นวงกลมได้ และจับไปตรงไหนลูกก็จะร้องจึงพาไปตรวจที่โรงพยาบาลศรีสังวร แพทย์พบว่าทั้งกระดูกสะโพก หัวเข่า ข้อเท้าหักทั้งหมด จึงส่งตัวไปเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ แพทย์ระบุว่าน้องปาล์มมีมีขาผิดรูปมาแต่กำเนิด ลักษณะโก่งและบวมทั้งสองข้าง เป็นเด็กที่ขาดแคลเซียมอย่างหนัก รวมถึงมีอาการปอดโต สังเกตได้จากการหายใจหน้าอกจะยุบลงไปจนเป็นรอบบุ๋มเมื่อหายใจออก และท้องจะพองโตเมื่อหายใจเข้า การรักษาต้องรอให้โตพอที่จะผ่าตัดใส่เหล็ก ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจอีกครั้งในอนาคต
นายศรายุทธ์ อยู่สน อายุ 19 ปี พ่อของน้องปาล์มมี มีอาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้ประมาณ 200 บาทต่อวัน มีที่นาอยู่ 2 ไร่ที่พอได้เก็บเกี่ยวเลี้ยงปากท้อง ปลูกผัก เลี้ยงปลากินกันในครอบครัว นายศรายุทธ์ เล่าว่าลูกสาวเอื้อมมือหยิบของเล่น แต่พลาดล้ม และล้มเป็นครั้งที่ 7 แล้วที่ทำให้กระดูกขาหัก ทำให้ขาทั้งสองข้างต้องสลับกันเข้าเผือก แรกๆพาไปรักษาที่โรงพยาบาลแต่ขัดสนด้วยเงินทอง และ กับความเชื่อพื้นบ้านจึงรักษาด้วยน้ำมันหมอ ดามด้วยเฝือกไม้ไผ่ อีกทั้งต้องเก็บเงินไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรักษาที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 3,000 - 4,000 บาท เพราะต้องไปกัน 2 คน ไหนจะค่ารถไปกลับ และต้องไปก่อนวันนัด 1 วัน จึงมีค่าใช้จ่ายเรื่องที่พักเพิ่มอีก ซึ่งช่วงต้นแพทย์นัด 2 เดือนครั้ง แต่ระยะหลังลูกสาวกระดูกหักบ่อย จึงต้องไปรับยาเดือนละครั้งเป็นการให้ยาทางสายน้ำเกลือที่ต้องนอนพักในโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นแม่กล่าวด้วยความมั่นใจว่า ถึงลูกจะเป็นอย่างไร จะลำบากอีกซักแค่ไหน จะพยายามเลี้ยงเค้าให้ดีที่สุด บางครั้งเคยตัดพ้อชะตาชีวิต แต่ที่สุดก็ได้แต่ภาวนาให้ทุกข์ของครอบครัวกลับกลายเป็นเรื่องยินดี ให้ลูกสาวอาการดีขึ้นพอที่จะช่วยตัวเองได้ อยู่ในสังคมได้
สำหรับผู้ที่ต้องการช่วยเหลือครอบครัวนี้สามารถโอนน้ำใจผ่านธนาคารออมสิน สาขาสวรรคโลก เลขที่บัญชี 0200-7434-0087-6 ชื่อบัญชี นางกฤษณา ยอดสกุล

วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

คอมพิวเตอร์ซินโดรม คุกคามเด็กไทยยุคออนไลน์


          29 ก.ค. - จักษุแพทย์ เผยโรค "คอมพิวเตอร์ วิชั่น ซินโดรม" กำลังคุกคามเด็กไทยยุคสังคมออนไลน์ ขณะนี้พบเด็กวัย 10-15 ปี มีปัญหาสายตาสั้นมากที่สุด เหตุเพราะเพ่งจอคอมฯ มือถือ แท็บเล็ตนาน แนะวิธีถนอมสายตา ควรปรับความสว่างให้มีความพอดี ไม่ใช้พื้นสีหน้าจอเข้มตัวหนังสือสีขาวหรือสีอ่อน จอแท็บเล็ตควรอยู่ห่างสายตา 1-2 ฟุต เด็กที่มีปัญหาสายตาผิดปกติอยู่แล้ว ไม่ควรเล่นเกินวันละ 1 ชั่วโมง
นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์ว่า มีความเป็นห่วงสุขภาพเด็กไทยในโลกยุคดิจิตอล ซึ่งอินเทอร์เน็ตถือว่าเป็นสื่อที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นกลุ่มหลักในการใช้สื่ออินเทอร์เน็ต เพราะสามารถเข้าถึงและรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้จากทุกมุมโลก พฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บเล็ต เป็นเวลานานของเด็กในปัจจุบัน นอกจากจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย คือกล้ามเนื้อหลัง ไหล่ คอตึง ทำให้มีอาการปวดหลัง ปวดคอ ปวดศีรษะแล้ว ยังส่งปัญหาด้านสังคม ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้คือ พฤติกรรมของเด็กที่จะไม่มีใครสบตากับใคร เพราะต่างคนต่างอยู่ในโลกส่วนตัว จะหยิบโทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ตขึ้นมานั่งเล่นโดยไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว ขาดการสื่อสารกับคนในครอบครัว และคนรอบข้าง รวมถึงความก้าวร้าว หุนหันพลันแล่น รุนแรงที่อาจเกิดขึ้นตามมาจากการเล่นเกมส์เพราะต้องการเอาชนะให้ได้
นพ.ฐาปนวงศ์ กล่าวต่อว่า ประการสำคัญ การใช้โลกส่วนตัวอยู่บนหน้าจอต่าง ๆ จะทำให้มีผลกระทบต่อสายตาโดยตรง เรียกว่า โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม (Computer Vision Syndrome) และมีผลต่อทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในวัยเด็กจะมีปัญหาสายตาสั้นเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากใช้ไม่ถูกวิธี เด็กมักจะก้มดูหน้าจอใกล้มากระยะห่างประมาณครึ่งฟุต โดยเฉพาะหากเป็นโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากจอมีขนาดเล็กมาก จึงต้องมองในระยะใกล้ๆ เพื่อให้เห็นตัวหนังสือหรือภาพชัดเจนขึ้น ต้องใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตาและประสาทตาในลักษณะเพ่งจอตลอดเวลา ทำให้เกิดอาการดวงตาตึงเครียด ตาล้า ตาช้ำ ตาแดง แสบตา มองภาพได้ไม่ชัดเจน และมักจะเกิดอาการปวดศีรษะตามมา ซึ่งเป็นปัญหาที่ได้รับการปรึกษาจากผู้ปกครองอยู่บ่อย ๆ ข้อมูลล่าสุดนี้พบว่าเด็กอายุ 10-15 ปี เป็นกลุ่มที่มีปัญหาสายตาสั้นมากที่สุด
"ในประเทศที่มีการใช้คอมพิวเตอร์มาก ๆ เด็กจะมีสายตาสั้นในอัตราที่เพิ่มขึ้น จากการใช้แท็บเล็ตหรือคอมพิวเตอร์มาก การปรับระดับ ระยะห่างของจอภาพไม่เหมาะสมกับสายตา หรือวางเมาส์ไม่ได้ระดับกับแขน ความสว่างของแสงไฟ การนั่งเล่นเป็นระยะเวลานาน และมีโอกาสสายตาสั้นเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 30 เกิดปัญหาในการเรียน มองไม่เห็นกระดานเรียนหน้าชั้นตามมา ส่งผลต่อการทำงานบางอาชีพที่ต้องใช้สายตาในอนาคต เช่นนักบิน ตำรวจ ทหาร" นพ.ฐานปนวงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ การใช้คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ตอย่างถูกวิธี มีข้อแนะนำดังนี้ กรณีที่เป็นผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตาหรือมีสายตาผิดปกติอยู่แล้ว ควรเล่นไม่เกินวันละ 1 ชั่วโมง ไม่ควรเล่นในห้องมืด ๆ ควรปรับความสว่างให้มีความพอดีเท่ากับความสว่างของห้อง แสงไฟไม่ควรส่องจากด้านหลังเข้าหาจอ ปรับความคมชัดของจอคอมพิวเตอร์อยู่ในระดับ 70-80 เฮิร์ตซ์ หรือสูงสุดเท่าที่ยังรู้สึกว่าสบายตา การเลือกตัวหนังสือควรใช้ตัวหนังสือสีดำบนพื้นสีขาวเพื่อให้เห็นชัดเจน ไม่แนะนำให้ใช้พื้นสีเข้ม ตัวหนังสือสีขาวหรือสีอ่อน เพราะจะทำให้ต้องใช้สายตาเพ่งตัวหนังสือมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว บางคนต้องหรี่ตา เพื่อลดแสงเข้าตา หากเป็นจอคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ควรใช้แผ่นกรองแสงและดูแลทำความสะอาดหน้าจอไม่ให้มีฝุ่นเกาะติดเพื่อให้มองเห็นชัดเจน และควรนั่งเล่นในท่าที่ถูกต้องคือเหมือนนั่งอ่านหนังสือ ให้ระยะห่างของสายตากับแท็บเล็ตหรือโทรศัพท์มือถือควรอยู่ห่างกันประมาณ 1-2 ฟุต - สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อย่าเชื่อ! อย.ยันเครื่องดื่มชูกำลังป้องกัน EV 71 ไม่ได้




อย.เตือนอย่าหลงเชื่อข่าวลือ ยัน ดื่มเครื่องดื่มชูกำลังผสมน้ำผึ้งป้องกันเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ไม่ได้ เพราะไม่ใช่ยารักษาโรค หากดื่มมากอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
            จากกรณีที่มีข่าวแพร่สะพัดไปทั่วว่า ขณะนี้ชาวกัมพูชาต่างพากันซื้อเครื่องดื่มชูกำลังมาผสมกับน้ำผึ้งดื่ม โดยเชื่อว่าจะช่วยป้องกันเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 (EV 71) ซึ่งเป็นเชื้อตัวหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคมือ เท้า ปาก ที่กำลังระบาดอย่างหนักในกัมพูชา รวมทั้งในประเทศไทยได้นั้น
            ล่าสุด วันนี้ (26 กรกฎาคม) ภญ.ศรีนวล กรกชกร รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ออกมาเตือนประชาชน ว่า อย่าหลงเชื่อข่าวลือดังกล่าว เนื่องจากเครื่องดื่มชูกำลัง หรือที่มีชื่อเรียกที่ถูกต้องว่า เครื่องดื่มผสมกาเฟอีน นั้น ไม่ใช่ยารักษาโรค แต่เป็นอาหารควบคุมเฉพาะ ที่ต้องมีฉลากกำกับไว้ว่า "ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด เพราะหัวใจจะสั่น นอนไม่หลับ เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรดื่ม ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อน" ดังนั้น การดื่มเครื่องดื่มชูกำลังจึงไม่สามารถป้องกัน หรือรักษาโรคใด ๆ ได้ทั้งสิ้น
            นอกจากนี้ ภญ.ศรีนวล ยังชี้แจงด้วยว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาอ้างอิง จึงขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังซึ่งมีกาเฟอีนผสมมาก ๆ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ เพราะกาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นการเต้นของหัวใจ และระบบประสาทส่วนกลาง โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี หากดื่มเข้าไปจะเป็นอันตรายถึงชีวิต
            ทั้งนี้ ทาง อย.ได้ประสานงานไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนของประเทศไทย เพื่อให้ข้อมูลกับผู้บริโภคแล้ว พร้อมกับเฝ้าระวังไม่ให้มีการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง ซึ่งหากประชาชนพบเห็นการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่หลอกลวงผู้บริโภค หรือโฆษณาเกินจริง สามารถแจ้งมายังสายด่วน อย. 1556 เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข่าวล่าสุดเด็กม.6 เอาเก้าอี้ฟาดหน้าป้่ายับ ยังเคยก่อคดี แทงเด็ก ม.5 อีก

  






 ศาลให้ประกันตัวเด็ก ม.6 ใช้เก้าอี้ฟาดหน้าแล้ว ด้านป้าผู้เสียหายเข้าแจ้งความเรียบร้อย ขณะที่มีรายงานว่าพบเหยื่ออีกรายถูกแทงลำคอกลางห้างสรรพสินค้า

            จากกรณีที่ นางสมจิตร พลายเนาว์ อายุ 51 ปี พนักงานบริษัททำความสะอาดบีซีเอส ที่ถูกวัยรุ่นใช้เก้าอี้ตีเข้าที่ใบหน้าจนได้รับบาดเจ็บ ถูกถ่ายเป็นคลิปวิดีโอเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตจนกลายเป็นข่าวฉาวไปทั่วโลกนั้น ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน เจ้าของคดี ได้นำตัว นายเอ ( นามสมมุติ) เยาวชนอายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ส่งศาลเพื่อไต่สวนเกี่ยวกับการจับกุมของเจ้าพนักงานว่ากระทำโดยชอบหรือไม่นั้นในที่สุดศาลได้อนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราว ด้วยวงเงิน 5,000 บาท โดยกำหนดให้นายเอ เดินทางมารายงานตัวอีกครั้งในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 10.00 น.

            ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ผู้ปกครองของนายกอล์ฟ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนชื่อดังเขตพระนคร ได้เข้าแจ้งความที่ สน.ปทุมวัน ว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน เวลาประมาณ 19.00 น. ขณะที่ลูกชายตนกับเพื่อนในกลุ่มกำลังเดินเล่นอยู่ภายในห้าง ก็พบนายเอกับเพื่อนอีกคนหนึ่งเดินสวนกันบนบันไดเลื่อน จากนั้นก็มีการพูดท้าทายกัน เนื่องจากเป็นเด็กต่างโรงเรียน

            ต่อมา ลูกชายตนจึงเดินไปแจ้งให้ รปภ.ทราบว่า ถูกนายเอข่มขู่ แต่ทาง รปภ.ของห้างไม่สนใจ หลังจากนั้นนายเอก็ย้อนวกกลับขึ้นบันไดเลื่อนขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะควงอาวุธมีด พูดจาข่มขู่อีก ซึ่งลูกชายตนก็ขอโทษ เพราะไม่อยากมีเรื่อง นายเอก็ทำท่าเหมือนจะเก็บมีดไป แต่ขณะที่ลูกตนเดินแยกออกไปนั้น นายเอก็ชักมีดแทงเข้าที่ลำคอด้านซ้ายของลูกชายตนจนได้รับบาดเจ็บ ซี่งแพทย์แจ้งว่าบาดแผลนั้นห่างเส้นเลือดใหญ่ไปแค่ 2-3 มิลลิเมตร ตนจึงเดินทางมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ประสานไปยังผู้ปกครองพาตัวนายเอให้มาไกล่เกลี่ยกัน โดยฝ่ายคู่กรณีก็ยินยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับค่าทำขวัญให้ลูกชายตน ซึ่งฝ่ายตนก็ไม่อยากเอาเรื่อง เพราะคู่กรณีเรียนอยู่ชั้น ม.6 และกำลังจะจบการศึกษาแล้ว ส่วนเรื่องของคดีความนั้น ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไป

            ด้าน พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน กล่าวว่า ทราบเรื่องนี้แล้ว และกำลังให้ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี นำสำนวนมาตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจากทางตำรวจยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า นายเอเป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงเด็กนักเรียนต่างโรงเรียนด้วยหรือไม่ แต่ถ้าเป็นฝีมือของนายเอจริง ก็จะออกหมายเรียกเพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บต่อไป

            อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 03.00 น. ของวันนี้ (26 กรกฎาคม) ที่ สน.ปทุมวัน นางสมจิตร ได้เดินทางเข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ชนิทร ง่วนสน พนักงานสอบสวน (สบ1) สน.ปทุมวัน ก่อนเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.ขอนแก่น ทั้งนี้ นางสมจิตร ให้การกับพนักงานสอบสวนว่า เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม เวลา 19.00 น. ขณะที่ตนอยู่ระหว่างเดินทางกลับบ้านพักหลังเลิกงาน ทันใดนั้นได้รู้สึกว่ามีสิ่งของมาติดกับรองเท้า จึงพยายามสลัดเท้าให้สิ่งของนั้นหลุดไป แต่สิ่งของดังกล่าวไม่หลุด จึงก้มลงดูพบว่าเป็นนาฬิกา จึงได้หยิบมาถือแล้วเดินต่อไป
            กระทั่งเดินมาเกือบถึงป้ายรถเมล์ หน้าธนาคารกรุงไทย สาขาปทุมวัน มีเด็กนักเรียน 2 คน ถามตนว่าเก็บนาฬิกาได้ใช่ไหม แต่ตนหูไม่ค่อยดีเลยฟังไม่รู้เรื่อง เด็กคนหนึ่งจึงตบเข้าที่แก้มด้านซ้าย 1 ที ตนกลัวมากจึงเดินหนีไปที่หน้าป้ายรถเมล์ แต่เด็ก 2 คน ได้เดินตามมาอีก และถามว่าตนเก็บนาฬิกาได้ใช่ไหม ตนได้ยินเลยตอบกลับไปว่า นาฬิกาของหนุ่มเหรอ จากนั้นตนหยิบนาฬิกาออกจากกระเป๋าคืนให้ ก่อนเอ่ยปากว่า ถ้างั้นป้าขอค่ารถเมล์หน่อย จากนั้นเด็กคนเดิม ก็ได้ด่าว่า พร้อมกับใช้เก้าอี้พลาสติกฟาดเข้าที่หน้าจนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว